น้ำมัน-ทองคำบวกน้อย หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งแรงยังกังวลวิกฤตหนี้ยุโรป

เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันวานนี้ (24) ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังได้ปัจจัยหนุนตามข้อมูลการผลิตของจีน ส่วนวอลล์สตรีทยังคงดิ่งลงแรงจากความกังวลที่สาหัสยิ่งขึ้นต่อวิกฤตหนี้สินยุโรป อย่างไรก็ตาม ด้วยสกุลเงินยูโรที่อ่อนค่าก็ส่งผลให้ราคาทองคำก็ทำให้ราคาทองคำปิดบวกเล็กน้อย

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 36 เซ็นต์ ปิดที่ 88.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 16 เซ็นต์ ปิดที่ 103.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เอชเอสบีซี ธนาคารยักษ์ใหญ่ระบุว่า ดัชนีคำสั่งซื้อภาคโรงงาน (พีเอ็มไอ) ของจีน ซึ่งเป็นตัววัดกิจกรรมการผลิต ประจำเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 49.5 จุด แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และขยับขึ้นพอสมควรจาก 48.2 จุดของเดือนมิถุนายน หลังจากมาตรการต่างๆ สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลปักกิ่ง อาทิ หั่นอัตราดอกเบี้ย ดูเหมือนจะได้ผล

ด้าน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (24) ปิดลบอย่างแรง ท่ามกลางความกังวลที่มากขึ้นเรื่อยๆ ต่อวิกฤตหนี้ยูโรโซน และรายงานผลประกอบการที่เบาบางของบริษัทอเมริกา รวมถึงข้อมูลการผลิตที่อ่อนแอภายในประเทศด้วย

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 104.14 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,617.32 จุด แนสแดค ลดลง 27.16 จุด (0.94 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,862.99 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.21 จุด (0.90 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,338.31 จุด

ปัญหาต่างๆ ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ของสเปน และมีแนวโน้มว่าแคว้นยักษ์ใหญ่อย่างคาตาโลเนีย อาจจะต้องขอความช่วยเหลือทางการเงิน เป็นปัจจัยที่ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน

นอกจากนี้ ความกังวลของนักลงทุนยังถูกซ้ำเติมด้วยข้อมูลทางเศรษฐกิจในประเศ หลังพบว่ากิจกรรมการผลิจของภูมิภาคแอตแลนติกตอนกลาง ประจำเดือนกรกฎาคม ดิ่งลงอย่างแรง ขณะเดียวกันหุ้นของ UPS บริษัทส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ ก็ดิ่งลงถึงร้อยละ 4.6 หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ผิดเป้าหมายอย่างมาก จนต้องปรับลดประมาณการผลประกอบการทั้งปีนี้

ด้าน ราคาทองคำ วานนี้ (24) ขยับขึ้นในกรอบแคบๆ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ของสหรัฐฯ บวก 2.90 ดอลลาร์ (0.18 เปอร์เซ็นต์) อยู่ที่ 1,580.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาดของเยอรมนี จะก่อแรงกดดันต่อสกุลเงินยูโร หนึ่งวันหลังจากมูดีส์ ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศเศรษฐกิจหมายเลข 1 ของยุโรปจากมีเสถียรภาพเป็นติดลบ