เอเอฟพี - ชาวบ้านกว่า 30,000 รายต้องอพยพหลบหนีออกจากถิ่นที่อยู่ทางภาคตะวันออกของอินเดีย ท่ามกลางการปะทะแย่งที่ดินระหว่างกลุ่มชนเผ่าโบโดเจ้าของถิ่น และชาวมุสลิมเบงกาลีผู้อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานใหม่ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 19 ศพ
ทางการอินเดียต้องประกาศภาวะเคอร์ฟิว และส่งทหารเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในรัฐอัสสัม เพื่อหยุดยั้งความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดิน หลังจากบ้านเรือนราษฎรหลายไฟถูกเผาและชาวบ้านต้องอพยพเข้าไปพักในอาคารสำนักงานราชการหรือตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อหลบหลีกการต่อสู้
“เหตุปะทะที่ปะทุขึ้นตั้งแต่ค่ำคืนวันศุกร์ (20) เวลานี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 19 ราย และอีกอย่างน้อย 12 คนได้รับบาดเจ็บ” เอส.เอ็น.ซิงห์ จเรตำรวจแห่งชาติของรัฐอัสสัมให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีทางโทรศัพท์
“ตำรวจและทหารอาสาสมัครได้ลาดตระเวนอย่างเข้มข้นและเคอร์ฟิวถูกบังคับใช้ในหลายพื้นที่” ซิงห์บอก พร้อมระบุว่ามีประชาชนราว 30,000 คนที่เข้าอาศัยในสถานที่พักพิงชั่วคราวของทางการ
เหตุปะทะในรัฐที่อยู่ใกล้ชายแดนภูฏานและบังกลาเทศคือความรุนแรงระลอกล่าสุดของเหตุพิพาทเรื่องการแย่งที่ดินที่มีมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ ระหว่างการสู้รบเป็นพักๆ ชาวบ้านจากทั้งชนเผ่าโบโดและชุมชนมุสลิม โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ก็จะหลบไปพักตามโรงเรียนหรือสำนักงานของทางการเพื่อความปลอดภัย ซึ่งที่นั่นพวกเขาจะได้รับความคุ้มครองจากทหารและมีการจัดเตรียมอาหารไว้รองรับ
สำนักข่าวเพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดีย รายงานว่า เหตุปะทะล่าสุดนี้มีต้นตอจากกรณีแกนนำนักศึกษามุสลิม 2 รายถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสในเมืองโคคราจาร์ และนำมาซึ่งการโจมตีแก้แค้นของกลุ่มชนเผ่าโบโด
รอคกีบูล ฮุสเซน รัฐมนตรีป่าไม้แห่งรัฐอัสสัม เผยกับเอเอฟพีว่าเวลานี้เขาอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องเสริมเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงเพื่อรับประกันสันติภาพ ก่อนที่จะเริ่มอนุญาตให้ชาวบ้านกลับบ้านได้ “เราร้องขอทุกฝ่ายอยู่ในความสงบและเรียกร้องให้ทางการใช้มาตรการความมั่นคงให้เข้มข้นเพียงพอ”