เอเจนซีส์ - ชาวบ้านหลายร้อยคนกำลังหลบหนีออกมาจากจุดที่เกิดการปะทะกันในกรุงดามัสกัสเมื่อวันพฤหัสบดี(19) ภายหลังกองทัพซีเรียออกคำเตือนว่าจะเกิดการปะทะสู้รบอย่างดุเดือดกับพวกกบฏ หลังจากเกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดซึ่งปลิดชีพเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไป 3 คน ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติกำหนดเปิดประชุมกัน โดยที่ตกลงอะไรกันไม่ได้ เมื่อรัสเซียและจีนยังยืนกรานไม่อ่อนข้อ แม้ถูกฝ่ายตะวันตกกดดันหนักให้ยอมรับร่างมติที่เรียกร้องให้ใช้มาตรการแซงก์ชันซีเรีย
ฝ่ายทหารให้เวลาชาวบ้าน 48 ชั่วโมงในการอพยพออกจากพื้นที่ต่างๆ ซึ่งกำลังเกิดการปะทะสู้รบกัน ระหว่างกองกำลังความมั่นคง กับพวกกบฎที่กำลังเปิดการรุกตาม “ยุทธการภูเขาไฟและแผ่นดินไหวดามัสกัสแห่งซีเรีย” ของพวกตน
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า หลังพ้นกำหนดอพยพแล้ว การสู้รบจะเป็นไปอย่างรุนแรงยิ่ง เพื่อทำการกวาดล้างเมืองหลวงดามัสกัสให้ปลอดพ้นจาก “ผู้ก่อการร้าย” ก่อนที่เดือนถือศีลอด “รอมฎอน” จะเริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์ (20)
องค์การซีเรียน ออฟเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแน ไรต์ส ซึ่งตั้งสำนักงานในอังกฤษ แถลงว่า เฉพาะในเขตมัสเซห์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของดามัสกัส ก็มีชาวบ้านอพยพออกไปหลายร้อยคน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่าชาวบ้านในย่านตอนใต้ก็พากันหนีออกมาเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้บังเกิดขึ้น 1 วันหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่ดามัสกัส ซึ่งสังหารเจ้าหน้าที่ระดับท็อปด้านความมั่นคงไป 3 คน ได้แก่ พล.อ.ดาอุด รอจฮา รมว.กลาโหม, พล.อ.อัสเซฟ เชากัต รมช.กลาโหม ผู้เป็นพี่เขยของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และพล.อ.ฮัสซัน เติร์กมานี ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกวาดล้างผู้ประท้วง
เหตุระเบิดคราวนี้ ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งแรกที่พุ่งเป้าไปยังกลุ่มบุคคลวงในใกล้ชิดตัวอัสซาด นับแต่เกระแสต่อต้านรัฐบาลปะทะขึ้นในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ตอนแรกทางการซีเรียออกข่าวว่าเป็นการก่อเหตุของมือระเบิดฆ่าตัวตาย ซึ่งแหล่งข่าวบางคนกล่าวว่ามือระเบิดเป็นองครักษ์คนหนึ่งของเหล่าผู้ใกล้ชิดอัสซาด อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาเห็นชัดเจนว่าทางการเปลี่ยนมาบอกว่าเป็นเหตุโจมตีที่มิใช่การฆ่าตัวตาย และมีแหล่งข่าวระบุว่าระเบิดถูกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเอกสารที่นำเข้าไปในห้องประชุมความมั่นคงฉุกเฉิน และจุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล
สำหรับตัวอัสซาดเองนั้น ภายหลังเกิดเหตุระเบิดในวันพุธ(18) ก็ไม่ได้ออกคำแถลงหรือปรากฏตัวต่อสาธารณชนเลย ถึงแม้สื่อของรัฐจะอ่านคำสั่งของเขาที่แต่งตั้งให้ ฟาห์ด อัล-เฟรจ เป็น รมว.กลาโหม สืบแทนรอจฮา
แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลซีเรียระบุว่า อัสซาดยังคงสั่งการจากห้องทำงานในดามัสกัส ขณะที่แหล่งข่าวในฝ่ายกบฏและนักการทูตตะวันตกกล่าวว่า ผู้นำซีเรียที่กำลังเพลี่ยงพล้ำได้ไปอยู่ที่ทำเนียบในลาตาเกีย ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลมาหลายวันแล้ว
เอเอฟพีอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของตน ซึ่งบอกว่า เท่าที่ผ่านมาฝ่ายทหารยังมีท่าทียับยั้งชั่งใจในการปฏิบัติการ แต่หลังเหตุโจมตีด้วยระเบิดในวันพุธ ฝ่ายทหารก็ “ตัดสินใจที่จะใช้อาวุธทั้งหมดที่มีอยู่ในครอบครองเพื่อยุติพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านี้”
ขณะที่สถานการณ์ในกรุงดามัสกัสกำลังทำท่าเลวร้ายลง ฝ่ายตะวันตก กับ รัสเซียและจีน เผชิญหน้ากันในวันพฤหัสบดีในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อพิจารณาร่างมติของฝ่ายตะวันตกที่ให้ต่ออายุคณะสังเกตการณ์ยูเอ็นในซีเรีย โดยระบุเรียกร้องให้ลงโทษคว่ำบาตรรัฐบาลอัสซาดด้วย และเป็นไปตามคาดที่มอสโกและปักกิ่ง ออกเสียงวีโต้แผนคว่ำบาตรนี้
ทั้ง บัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็น และโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็น ซึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นผู้แทนพิเศษของยูเอ็นและสันนิบาตอาหรับ ต่างเรียกร้องให้คณะมนตรีออกมติเพื่อให้มีการปฏิบัติการที่เข้มแข็ง แต่ก็เป็นไปตามคาดหมายที่รัสเซียกับจีนได้ออกเสียงคัดค้าน ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้อำนาจยับยั้งและทำให้ร่างมติตกไป
อนึ่ง ภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่ซีเรียไม่กี่ชั่วโมง ทอมมี ไวเตอร์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แถลงว่าอัสซาดกำลังสูญเสียการควบคุม เห็นได้จากจำนวนผู้แปรพักตร์ที่มีมากขึ้น และกลุ่มกบฏที่เข้มแข็งและเป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้น
ส่วน เลียน เพเนตตา รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ สำทับว่านานาชาติต้องเพิ่มความกดดันเพื่อให้อัสซาดสละอำนาจ และเปิดทางให้มีการผ่องถ่ายอย่างสันติ
เช่นเดียวกับ นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษที่กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่อัสซาดจะต้องลงจากตำแหน่ง