เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี แถลงที่กรุงจาการ์ตาในวันนี้(11)ว่า ยุโรปควรเร่งทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
“ดิฉันมั่นใจอย่างยิ่งว่า ยุโรปจำเป็นต้องเร่งทำข้อตกลงการค้าเสรีกับภูมิภาคนี้ หากยังอยากมีศักยภาพในการแข่งขัน” แมร์เคิล เผยระหว่างเดินทางเยือนกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย
ขณะที่หลายประเทศยุโรปยังต้องกระเสือกกระสนเพื่อคลี่คลายปัญหาหนี้สิน แต่อาเซียนกลับเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเศรษฐกิจอินโดนีเซียนั้นโตถึง 6.5% ในปี 2011 และคาดว่าในปีนี้อัตราการเติบโตก็จะไม่ย่อหย่อนไปกว่าเดิม
เมื่อวานนี้(10) แมร์เคิล และประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน ต่างยืนยันคำมั่นว่าจะส่งเสริมการค้าระหว่างกัน ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าราว 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียยังพยากรณ์ว่า มูลค่าการค้าระหว่างอิเหนากับยุโรปน่าจะขยับขึ้นแตะ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2014
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ทั้ง 10 ประเทศ ตกลงที่จะเริ่มเจรจาการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปเมื่อปี 2007 หลังติดปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในพม่ามานานหลายปี
อียูเริ่มเจรจากับสมาชิกอาเซียนแล้วเป็นบางประเทศ เช่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นต้น ขณะที่พม่าก็ประกาศสนับสนุนเอฟทีเอระหว่างอาเซียนและยุโรปเมื่อเดือนเมษายน โดยอ้างถึงการปฏิรูปที่รัฐบาลพม่ากำลังเร่งดำเนินการอยู่
อาเซียน นับเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของสหภาพยุโรป โดยมีมูลค่าการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการสูงกว่า 206,000 ล้านยูโรในปี 2011 ตามข้อมูลจากคณะกรรมาธิการยุโรป ขณะที่อียูเองก็เป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากจีน โดยอาเซียนมีสัดส่วนการค้ากับยุโรปราวๆ11%
ระหว่างเยือนอินโดนีเซียสัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ไปเยี่ยมชมศูนย์เตือนภัยสึนามิในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเยอรมนีสนับสนุนทุนก่อสร้าง 53 ล้านยูโร และยังส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดำเนินงาน หลังเกิดสึนามิในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2004 ซึ่งคร่าชีวิตชาวอิเหนาในจังหวัดอาเจะห์ไปราว 170,000 คน
ระบบเตือนภัยดังกล่าวประกอบด้วยอุปกรณ์ตรวจจับคลื่น, ทุ่นลอยน้ำ และเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหว