เอเอฟพี - รัฐบาลปากีสถานยินยอมเปิดเส้นทางลำเลียงให้กองกำลังนานาชาติเข้าไปปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถานได้แล้ว วานนี้ (3) หลัง ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวแสดงความเสียใจต่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่ผิดพลาดเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุให้ทหารปากีฯ เสียชีวิตไป 24 นาย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยรายละเอียดของข้อตกลงว่าวอชิงตันจะอนุมัติเงินกองทุนที่ชาติพันธมิตรให้การสนับสนุน จำนวน 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดจากปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายแก่กองทัพปากีสถาน
ข้อตกลงดังกล่าวช่วยยุติปัญหาทางการทูตที่บั่นทอนความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ปากีสถานมานานถึง 7 เดือนเต็ม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มิตรภาพระหว่าง 2 ชาติต้องสั่นคลอน เพราะสหรัฐฯ ส่งหน่วยรบพิเศษบุกรุกน่านฟ้าปากีสถานไปลอบสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์ โดยไม่ปรึกษาหารือกับอิสลามาบัดเสียก่อน
ปากีสถานซึ่งร่วมมือกับสหรัฐฯ กวาดล้างกลุ่มตอลิบาน ยืนยันมาโดยตลอดว่าต้องการคำขอโทษที่เครื่องบินไร้คนขับของสหรัฐฯ โจมตีผิดพลาด จนปากีสถานต้องเสียทหารไป 24 นาย เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
“รัฐมนตรีต่างประเทศ คาร์ และดิฉัน ต่างตระหนักถึงความผิดพลาด ซึ่งทำให้กองทัพปากีสถานต้องสูญเสียชีวิตทหารไป” คลินตันระบุในแถลงการณ์
“เรารู้สึกเสียใจต่อความสูญเสียของกองทัพปากีสถาน และมีเจตนาที่จะร่วมมือกับปากีสถานและอัฟกานิสถานอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันมิให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก”
กรุงอิสลามาบัดยืนยันว่าจะยอมเปิดเส้นทางลำเลียงสู่อัฟกานิสถานซึ่งมีความสำคัญยิ่ง ในขณะที่สหรัฐฯ และนาโตเริ่มถอนทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ออกจากอัฟกานิสถาน ก่อนจะถึงสิ้นปี 2014
ด้านกลุ่มติดอาวุธตอลิบานก็ออกมาข่มขู่ทันทีว่าจะโจมตีขบวนรถบรรทุกของนาโตและพลขับทุกนาย หากยังพยายามส่งเสบียงอาวุธเข้าไปยังอัฟกานิสถาน
“ตอลิบานจะไม่ยอมให้รถบรรทุกคันไหนผ่านเข้าไปเด็ดขาด และจะโจมตีมันด้วย” เอียะห์ซานุลเลาะห์ เอียะห์ซาน โฆษกตอลิบานให้สัมภาษณ์
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า การปิดกั้นเส้นทางลำเลียงผ่านปากีสถานทำให้สหรัฐฯและพันธมิตรต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทางตอนเหนือ ผ่านเอเชียกลาง, รัสเซีย และเทือกเขาคอเคซัส ซึ่งทำให้ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
เชอร์รี เรห์มาน ทูตปากีสถานประจำกรุงวอชิงตัน ระบุว่า การเปิดเส้นทางลำเลียงครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า “อิสลามาบัดได้แสดงความรับผิดชอบในฐานะหุ้นส่วนที่ช่วยสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค”
“เรารู้สึกซาบซึ้งกับแถลงการณ์ของรัฐมนตรีคลินตัน และหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติจะค่อยๆ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นนับจากนี้”