เอเอฟพี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - นายอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้สมัครฝ่ายซ้ายที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเม็กซิโก ตีรวนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ออกโรงเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ อ้างคู่แข่งคว้าชัยเพราะซื้อเสียงเยอะ
ท่าทีล่าสุดของนายโอบราดอร์ ผู้สมัครนิยมซ้ายจากพรรคปาร์ติโด เด ลา เรโบลูซิอ็อน เดโมกราติกา (พีอาร์ดี) มีขึ้นหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแดนจังโก้ขั้นต้นระบุ นายเอ็นริเก เปนญา เนียโต วัย 45 ปีคู่แข่งจากพรรค “ปาร์ติโด เรโบลูซิโอนาริโอ อินสติตูซิโอนัล” หรือ “พีอาร์ไอ” เป็นผู้คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (1)โดยได้คะแนนร้อยละ 38 ขณะที่โอบราดอร์ ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงราวร้อยละ 31
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปด้วยความยุติธรรมและโปร่งใส คู่แข่งของผมและพรรคพีอาร์ไอของเขาได้ชัยชนะมาด้วยการซื้อเสียงนับล้านโหวต” โอบราดอร์กล่าว พร้อมเรียกร้องให้มีการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด
ด้านคณะกรรมการการเลือกตั้งของเม็กซิโก ซึ่งเป็นองค์กรที่รับผิดชอบจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ ออกมาแถลงเมื่อวันอังคาร (3) ว่าอาจมีการตรวจสอบผลการเลือกตั้งราว 1 ใน 3 จากผลการเลือกตั้งทั้งหมดอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดถึงการนับคะแนนใหม่ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อย่างใด ขณะที่ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะมีการประกาศออกมาในวันอาทิตย์ (8) นี้
ด้าน ฮาเบียร์ โอลิบา นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยอูนิเบร์ซิดาด นาซิโอนัล เอาโตโนมา เด เมขิโก (UNAM) ในกรุงเม็กซิโก ซิตี ระบุว่าการตีรวนของนายโอบราดอร์จะส่งผลร้ายต่อตัวของเขาเอง และเป็นการทำลายต้นทุนทางการเมืองแบบไม่รู้ตัว เนื่องจากในเวลานี้ภาพลักษณ์ของนายโอบราดอร์ในสายตาของประชาชนจำนวนมากได้กลายเป็นนักการเมืองที่ไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว
ทั้งนี้ ชัยชนะของเปนญา เนียโต ส่งผลให้พรรคพีอาร์ไอ พรรคการเมืองสายกลาง-ซ้ายที่ครองอำนาจการปกครองในเม็กซิโกมายาวนานถึง 7 ทศวรรษจนถึงเมื่อปี ค.ศ. 2000 จะได้หวนคืนสู่อำนาจเป็นหนแรกใน 12 ปี