รอยเตอร์ - บ้านเรือนประชาชนและอาคารพาณิชย์กว่า 4 ล้านหลังคาเรือนในรัฐทางตะวันออกของสหรัฐฯ ต้องอยู่โดยปราศจากกระแสไฟฟ้าเมื่อวานนี้(30) ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนจัดเป็นประวัติการณ์ หลังเกิดพายุฝนพัดถล่มตั้งแต่รัฐอินเดียนามาจนถึงนิวเจอร์ซีย์ ส่งผลให้เสาไฟฟ้าหักโค่นระนาว และพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 ราย
ทางการสหรัฐฯประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี., รัฐโอไฮโอ, รัฐเวอร์จิเนีย และรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย หลังเกิดพายุรุนแรงเทียบเท่าเฮอริเคนพัดถล่มกินบริเวณกว้างกว่า 500 ไมล์ (ราว 800 กิโลเมตร)
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า อาจเกิดพายุฝนที่รุนแรงยิ่งกว่านี้ เนื่องจากรัฐทางตะวันออกกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนระลอกใหม่ เมื่อวานนี้(30)
หลายเมืองทางตอนใต้มีอุณหภูมิสูงถึง 37 องศาเซลเซียส ขณะที่เมืองแอตแลนตาอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 41 องศาเซลเซียส ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Accuweather.com
เจ้าหน้าที่อาจต้องใช้เวลาซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่หักโค่นประมาณ 1 สัปดาห์ ขณะที่ประชาชนในรัฐโอไฮโอและเวอร์จิเนียระบุว่า ความเสียหายในครั้งนี้เข้าขั้นหายนะ
"คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าประชาชนบางส่วนจะกลับมามีไฟฟ้าใช้ดังเดิม และด้วยอุณหภูมิที่ร้อนขนาดนี้ จึงเป็นสิ่งที่เรากังวลมาก" บ็อบ สปีลเดนเนอร์ โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ระบุ
รัฐเวอร์จิเนียพบผู้เสียชีวิตจากเหตุพายุพัดถล่มแล้วอย่างน้อย 6 ราย
ที่รัฐแมริแลนด์มีรายงานไฟฟ้าดับทุกเทศมณฑล โดยมีประชาชนที่ต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าถึง 869,000 ราย ส่วนที่รัฐนิวเจอร์ซีย์พบเด็กวัย 2 ขวบและ 7 ขวบ ถูกต้นไม้ล้มทับเสียชีวิตในสวนสาธารณะ
อิทธิพลของพายุยังทำให้รถไฟแอมแทร็กระหว่างกรุงวอชิงตันกับฟิลาเดลเฟีย ต้องหยุดให้บริการชั่วคราว