เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ยืนยันเมื่อวันอังคาร (26) พบผู้เสียชีวิตแล้วราว 30 รายและสูญหายอีกกว่า 100 คน ทางภาคตะวันของยูกันดา หลังเหตุดินถล่มหนึ่งวันก่อนหน้านี้ฝังบ้านเรือนราษฎรหลายสิบหมู่บ้านในพื้นที่เพาะปลูกกาแฟ ตามเชิงเขาเอลกอน ขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ด้วยความกังวลว่าฝนที่ตกลงมาอย่างหนักอาจก่อดินถล่มลงมาซ้ำ
เมื่อวันจันทร์ (25) กาชาดยูกันดา เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 รายในภัยบิพัติทางธรรมชาติครั้งนี้ อย่างไรก็ตามในวันอังคาร (26) เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลออกมายืนยันว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงกว่านั้น และยังมีชาวบ้านสูญหายถึง 109 คน
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก่อดินถล่มลงมาจากเขาในช่วงบ่ายวันจันทร์ (25) อานุภาพของมันกวาดทำลายต้นไม้และพุ่มไม้ล้มระเนระนาด หมู่บ้าน 2 แห่งจมอยู่ใต้โคลน ขณะที่เจ้าหน้าที่เสริมว่าพบผู้รอดชีวิต 178 คน อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถูกยกเลิกไปในวันอังคาร (26) หลังพบว่าโอกาสพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมนั้นริบหรี่
“กังวลว่าดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน ถมทับบ้านเรือนราษฎรราว 29 หลัง และมีผู้เสียชีวิตราว 30 คน” สตีเฟน มัลลินกา รัฐมนตรีเตรียมการรับมือหายนะภัยและลี้ภัย แถลงต่อผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าด้วยที่ดินถล่มเกิดในช่วงบ่าย จึงโชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่านี้ “ดินถล่มเกิดขึ้นตอนบ่าย 2 ชาวบ้านพากันไปที่ตลาด ขณะที่เด็กๆ ก็ยังอยู่ในโรงเรียน เคราะห์ดีทั้งตลาดและโรงเรียน ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้” เขากล่าว
รัฐมนตรีรายนี้กล่าวเสริมอีกว่า ประชาชนมากกว่า 400,000 คน ต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม หลังฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้พวกเขาต้องอพยพออกจากบ้าน ด้วยความกังวลว่าอาจมีดินถล่มลงมาเพิ่มเติม
รายงานข่าวระบุว่า ชาวบ้านบางส่วนตัดสินใจหนีออกจากพื้นที่ประสบภัยในช่วงกลางคืนนั้นเลย หลังพบรอยแตกร้าวบนพื้นผิวดิน ทำให้สันนิษฐานกันว่ามีโอกาสเกิดดินถล่มลงมาอย่างฉับพลันท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
บ่อยครั้งซึ่งฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก่อดินถล่มในทางภาคตะวันออกของยูกันดา โดยเมื่อปีที่แล้ว ก็มีประชาชนอย่างน้อย 23 คนถูกฝังทั้งเป็น หลังบ้านพักของพวกเขาถูกกองโคลนถล่มลงมาทับ ขณะเดียวกัน ชาวบ้านอีกจำนวนมากก็ถูกฝังทั้งเป็นในหายนะลักษณะคล้ายกันในเดือนมีนาคม 2010