เดอะการ์เดียน - เจ้าหน้าที่สอบสวนของสหประชาชาติเผย นโยบายของสหรัฐฯ ที่ใช้อากาศยานไร้คนขับโจมตีทางอากาศ เพื่อสังหารเป้าหมายนั้นเป็นสิ่งที่คุกคามระบบกฎหมายสากล ซึ่งใช้กันมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
คริสตอฟ เฮย์นส์ ผู้เขียนรายงานพิเศษเกี่ยวกับการฆ่าโดยไม่เคารพกฎหมาย การลงโทษโดยใช้ศาลเตี้ย หรือโดยพลการของยูเอ็น กล่าวในที่ประชุม ณ เมืองเจนีวา ว่าการโจมตีทางอากาศในปากีสถาน เยเมน และที่อื่นๆ ซึ่งปฏิบัติการโดยซีไอเอของสหรัฐฯ จะส่งเสริมให้ประเทศอื่นๆ ดูหมิ่นมาตรการสิทธิมนุษยชนที่มีมานานแล้วได้
เฮย์นส์ระบุในบทวิจารณ์ที่ดุเดือดที่สุดของเขาว่า ท่ามกลางความกังวลของนานาประเทศที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการคร่าชีวิตผู้คนด้วยอากาศไร้คนขับว่า การโจมตีด้วยโดรนบางครั้งนั้นถึงขั้นเป็น “อาชญากรรมสงคราม” เลยทีเดียว
ด้าน เบน เอ็มเมอร์สัน ผู้ตรวจสอบดูแลการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเขียนรายงานพิเศษอีกคนของยูเอ็น ประกาศในการประชุมที่จัดขึ้นโดยสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน หรือเอซีแอลยู ว่าเขาจะจัดลำดับการสอบสวนการโจมตีด้วยโดรนทั้งหลายด้วย
เอ็มเมอร์สันกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นวาระระดับนานาชาติอย่างรวดเร็ว หลังจากจีน และรัสเซียออกแถลงการณ์ร่วมกันที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ในสัปดาห์นี้ โดยสนับสนุนให้ประเทศอื่นๆ ประณามการใช้โดรนในการโจมตีทางอากาศ
เขาย้ำว่า หากสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ ที่รับผิดชอบต่อการโจมตีนอกเขตสงคราม ไม่ตั้งหน่วยงานอิสระขึ้นสอบสวนการสังหารดังกล่าวในแต่ละครั้ง ยูเอ็นก็ควรที่จะพิจารณาตั้งหน่วยงานสอบสวนขึ้นเอง
นอกจากนี้ ซามีร์ อะกรัม ทูตปากีสถานประจำยูเอ็น ซึ่งร่วมในการประชุมที่เจนีวาครั้งนี้ด้วย ก็เรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรการทางกฎหมายระดับสากล เพื่อยับยั้งการโจมตีที่ไม่สร้างสรรค์โดยสหรัฐฯ ต่อประเทศของเขา
ขณะที่ สหรัฐฯ อ้างว่า การโจมตีด้วยอากาศยานไร้คนขับของตนนั้นเป็นการป้องกันตนเองจากกลุ่มอัลกออิดะห์ และปฏิเสธที่จะให้มีการตรวจสอบปฏิบัติการเหล่านั้น ล่าสุด ในวันพุธ (20) ที่ผ่านมา รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามายังใช้คำสั่งศาลปฏิเสธข้อเรียกร้องของเอซีแอลยู ที่จะขอข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการโจมตีต่างๆ โดยอ้างว่าปฏิบัติการเหล่านั้นเป็นความลับราชการ
สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกันประเมินว่า นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยโดรนของสหรัฐฯ ในปากีสถาน เยเมน และโซมาเลียมากถึง 4,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และจำนวนเหยื่อก็เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ที่โอบามาขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ