เอเจนซี - กองทัพสหรัฐฯเผยในวันศุกร์(15) พบวัตถุที่เชื่อว่าเป็นซากหักพังของเครื่องบินรุ่นเก่าและชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ กระจัดกระจายอยู่ใต้ธารน้ำแข็งแห่งหนึ่งใกล้เมืองแอนโชเรจ อะแลสกา ระบุถือเป็นการค้นพบครั้งสำคัญเลยทีเดียว
ซากหักพังนี้ถูกพบเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว(10) ระหว่างที่กองทหารรักษาดินแดนอะแลสกา ปฏิบัติการฝึกบินด้วยเฮลิคอปเตอร์ในดินแดนคิงค์ กลาเซียร์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแอนโชเรจ
"ดูเหมือนว่าเป็นอาจเป็นเครื่องบินทหาร" พันจ่าอากาศเอก ไมคัล แคนฟิลด์ โฆษกของฐานทัพอากาศแอนโชเรจระบุว่า อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าซากวัตถุนี้จะถูกส่งมาถึงเมื่อไหร่
ฐานทัพแห่งนี้เรียกซากดังกล่าวว่าเป็นการค้นพบครั้งประวัติศาสตร์และบอกว่าสำนักงานบริหารการบินพลเรือนแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ออกคำสั่งจำกัดการบินในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติม
"ยังไม่มีอะไรที่ถูกนำออกมาจากจุดนั้น จนกว่าจะมีการสืบสวนเพิ่มเติม" แคนฟิลด์บอก
ตามคำร้องของกองทัพสหรัฐฐในอะแลสกา ทางคณะกรรมการร่วมค้นหาเชลยศึกและผู้ที่สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ หรือ JPAC (The Joint POW/MIA Accounting Command) ระบุว่าเวลานี้พวกเขาอยู่ระหว่างวางแผนภารกิจกู้ซากดังกล่าว
ทั้งนี้ทางJPAC เตรียมกำหนดวันเวลาเดินทางไปยังอะแลสกาและกระจายกำลังผู้เชี่ยวชาญตามความจำเป็นในการตรวจสอบธารน้ำแข็งนี้ "เราเชื่อว่ามันมีเหตุผลที่ทาง JPAC ต้องเข้ามามีส่วนร่วม" โฆษกระบุ
ซากหักพังนี้ถูกพบเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว(10) ระหว่างที่กองทหารรักษาดินแดนอะแลสกา ปฏิบัติการฝึกบินด้วยเฮลิคอปเตอร์ในดินแดนคิงค์ กลาเซียร์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแอนโชเรจ
"ดูเหมือนว่าเป็นอาจเป็นเครื่องบินทหาร" พันจ่าอากาศเอก ไมคัล แคนฟิลด์ โฆษกของฐานทัพอากาศแอนโชเรจระบุว่า อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าซากวัตถุนี้จะถูกส่งมาถึงเมื่อไหร่
ฐานทัพแห่งนี้เรียกซากดังกล่าวว่าเป็นการค้นพบครั้งประวัติศาสตร์และบอกว่าสำนักงานบริหารการบินพลเรือนแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ออกคำสั่งจำกัดการบินในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติม
"ยังไม่มีอะไรที่ถูกนำออกมาจากจุดนั้น จนกว่าจะมีการสืบสวนเพิ่มเติม" แคนฟิลด์บอก
ตามคำร้องของกองทัพสหรัฐฐในอะแลสกา ทางคณะกรรมการร่วมค้นหาเชลยศึกและผู้ที่สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ หรือ JPAC (The Joint POW/MIA Accounting Command) ระบุว่าเวลานี้พวกเขาอยู่ระหว่างวางแผนภารกิจกู้ซากดังกล่าว
ทั้งนี้ทางJPAC เตรียมกำหนดวันเวลาเดินทางไปยังอะแลสกาและกระจายกำลังผู้เชี่ยวชาญตามความจำเป็นในการตรวจสอบธารน้ำแข็งนี้ "เราเชื่อว่ามันมีเหตุผลที่ทาง JPAC ต้องเข้ามามีส่วนร่วม" โฆษกระบุ
