รอยเตอร์/เอเอฟพี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรีย กล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาในกรุงดามัสกัสวันนี้ (3) โดยระบุ ซีเรียกำลังถูกบ่อนทำลายโดยแผนการของต่างชาติ ถือเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ผู้นำซีเรียวัย 46 ปี ซึ่งครองอำนาจแบบผูกขาดต่อจากผู้เป็นบิดาคือฮาเฟซ อัล อัสซาด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2000 รายนี้ระบุ เป็นที่ชัดเจนว่าเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นในซีเรียในช่วงที่ผ่านมา มีผู้ไม่หวังดีจากนอกประเทศอยู่เบื้องหลัง และเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากในซีเรียนั้น ก็เป็นฝีมือของกลุ่ม “ผู้ก่อการร้าย” ภายในซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากนอกประเทศ โดยผู้นำซีเรียยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของเขาจะไม่ประนีประนอมหรือยอมอ่อนข้อให้กับผู้ก่อการร้ายเหล่านี้โดยเด็ดขาด พร้อมกล่าวประณามผู้ที่ลงมือสังหารหมู่ประชาชนไม่เลือกหน้ามากกว่า 108 ศพที่เขตฮูลา ทางตอนเหนือของเมืองฮอมส์ว่า มิใช่มนุษย์แต่เป็น “ปีศาจร้าย”
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีอัสซาดยืนกรานว่า “ประตูสำหรับการเจรจา” ยังคงเปิดกว้างสำหรับฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ที่คิดเห็นต่างจากรัฐบาล แต่รัฐบาลซีเรียจะไม่มอบโอกาสในการเจรจาดังกล่าวให้กับพวกผู้ก่อการร้าย และพวกที่ต้องการให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ
การกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีซีเรียมีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่โคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการใหญ่ของ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในฐานะทูตพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาซีเรีย ออกมาเปิดเผยว่า มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นที่อาจเกิดสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบขึ้นในซีเรีย
ขณะเดียวกัน การเดินทางมากล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีอัสซาดในครั้งนี้ ยังถือเป็นหนึ่งในการปรากฏตัวต่อสาธารณชนเพียงไม่กี่ครั้งของเขา นับจากเกิดการลุกฮือขึ้นของประชาชนต่อต้านรัฐบาลและระบอบการปกครองของเขาเมื่อ 15 เดือนก่อน
ทั้งนี้ ข้อมูลของยูเอ็นระบุว่า กองกำลังซีเรียได้สังหารผู้คนไปแล้วมากกว่า 9,000 ราย ขณะที่รัฐบาลซีเรียยังคงยืนกรานว่า เหตุนองเลือดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่มีต่างชาติหนุนหลัง พร้อมเปิดเผยข้อมูลว่า ทหารของฝ่ายรัฐบาลและกองกำลังความมั่นคงถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารไปแล้วมากกว่า 2,600 นาย
