รอยเตอร์/เอเอฟพี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กระบวนพยุหยาตราอันมีเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยเรือกลไฟ เรือพ่วง เรือเร็ว และเรือโบราณ ที่ตกแต่งอย่างงดงามตระการตาจำนวนกว่า 1,000 ลำจะเคลื่อนขบวนตามลำน้ำเทมส์ในกรุงลอนดอนวันนี้ (3) ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญส่วนหนึ่งของพระราชพิธีพัชราภิเษกสมโภช เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ (2) ไปจนถึงวันที่ 5 มิถุนายนนี้
สำหรับในวันนี้ (3) คาดว่าจะมีชาวอังกฤษราว 1 ล้านคน เดินทางมาจับจองพื้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ที่มีความยาวกว่า 11 กิโลเมตร เพื่อเฝ้าชมการเคลื่อนตัวความยาวกว่า 4 ชั่วโมงของกระบวนพยุหยาตราอันมีเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ และสมาชิกราชวงศ์อังกฤษอยู่กึ่งกลางขบวน รายล้อมด้วยเรืออื่นๆ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรประมาณ 1,000 ลำ ถือเป็นกระบวนพยุหยาตราครั้งแรกที่จัดในแม่น้ำเทมส์ กรุงลอนดอน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1662 เป็นต้นมาและถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของมหานครแห่งนี้
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าประชาชนทั่วทั้งสหราชอาณาจักรซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ประกอบด้วยสีขาว แดง และน้ำเงิน อันเป็นสีของธง “ยูเนียนแจ็ก” ได้ทยอยออกมารวมตัวกันตามท้องถนนมากกว่า 9,500 จุดทั่วประเทศเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสดังกล่าวเพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นองค์พระประมุขของสหราชอาณาจักรพระองค์แรก ที่ทรงจัดพระราชพิธีพัชราภิเษกสมโภช ครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีนับจากยุคของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียในปี ค.ศ. 1897 เป็นต้นมา ท่ามกลางมาตรการรักษาปลอดภัยของทางการอังกฤษที่มีความเข้มข้นในระดับสูงสุด
ส่วนในวันจันทร์ (4) สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะทรงเป็นองค์ประธานในงานมหกรรมคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติบริเวณด้านนอกพระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งจะมีศิลปินชื่อก้องอย่าง เซอร์พอล แม็คคาร์ทนีย์ และ สตีวี วันเดอร์ เข้าร่วมการแสดง
ทั้งนี้ พระราชพิธีพัชราภิเษกสมโภชเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีจัดขึ้นในช่วงที่กระแสความนิยมของประชาชนชาวสหราชอาณาจักรที่มีต่อราชวงศ์อังกฤษ พุ่งสูงที่สุดในรอบหลายปี โดยผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดระบุ ประชาชนกว่าร้อยละ 80 ต้องการให้ราชวงศ์อังกฤษอยู่คู่กับสหราชอาณาจักรต่อไป