รอยเตอร์ - นายแพทย์ชาวปากีสถานผู้ช่วยให้เบาะแสแก่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) จนนำไปสู่ปฏิบัติการปลิดชีพอุซามะห์ บิน ลาดิน เมื่อปีที่แล้ว ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลอเมริกันซึ่งจะให้ที่พักพิงกับเขาและครอบครัว เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยวานนี้ (29)
ดร.ชากิล อาฟรีดี ถูกทางการปากีสถานสั่งจำคุก 33 ปี ฐานเป็นกบฏ ซึ่งชะตากรรมของเขาพลอยทำให้วอชิงตันถูกวิจารณ์ที่ไม่พยายามเข้าแทรกแซงคดีดังกล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลอเมริกันเคยเสนอจะให้ที่พักพิงแก่อาฟรีดีและครอบครัว ในช่วงเดียวกับที่หน่วยซีลส์บุกเข้าสังหารบิน ลาดิน ที่เมืองอับบอตตาบัดเมื่อปีที่แล้ว ทว่านายแพทย์ผู้นี้ปฏิเสธข้อเสนอ โดยไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจน
อาฟรีดีจัดโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนในเมืองอับบอตตาบัดบังหน้า เพื่อหลอกเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากกระพุ้งแก้มของลูกๆ บิน ลาดิน ซึ่งจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ที่เมืองดังกล่าวจริงหรือไม่
แม้แผนเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจะไม่ได้ผล แต่แหล่งข่าวในสหรัฐฯ ยืนยันว่า อาฟรีดียังช่วยชี้ตัวคนส่งสารของบิน ลาดิน จนทำให้อเมริกาสามารถสืบสาวไปถึงตัวผู้นำอัลกออิดะห์ได้ในที่สุด
ข้อเสนอให้ที่พักพิงแก่อาฟรีดีครั้งนี้ได้รับการยืนยันโดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 ราย แต่ทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธที่จะให้ความเห็น
คดีของอาฟรีดี ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและอิสลามาบัดย่ำแย่ลงอีกครั้ง โดยวุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้ตัดเงินช่วยเหลือรัฐบาลปากีสถานจำนวน 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเท่ากับ 1 ล้านดอลลาร์คูณด้วยจำนวนปีที่ อาฟรีดี ถูกจำคุก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องผิดปกติที่ใครก็ตามซึ่งตกอยู่ในสถานะอย่าง อาฟรีดี จะปฏิเสธข้อเสนอลี้ภัย แต่ขณะนั้นอาฟรีดีอาจเชื่อว่า ตนไม่น่าจะตกเป็นผู้ต้องหากบฏ และน่าจะได้รับคำชมเชยมากกว่าที่ช่วยกำจัดภัยคุกคามความมั่นคงของปากีสถานได้
ด้านอดีตเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ปัจจุบันของปากีสถานต่างให้สัมภาษณ์ตรงกันว่า อาฟรีดีเป็นคนเจ้าชู้และดื่มเหล้าจัด และเคยตกเป็นผู้ต้องหาละเมิดทางเพศมาแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นแพทย์ที่ทำการผ่าตัดคนไข้อย่างไม่ได้มาตรฐานด้วย
ญามิล อาฟรีดี พี่ชายของนายแพทย์ชากีล ระบุว่า ข้อหากบฎที่น้องชายได้รับไม่มีมูลแม้แต่น้อย และน้องของเขากำลังตกเป็นแพะรับบาป
“ถ้าน้องผมทำผิดจริง เขาก็มีวีซ่าสหรัฐฯ อยู่ เขาก็คงหนีจะไปสหรัฐฯ แล้วสิ” ญามิล กล่าวหลังศาลมีคำพิพากษา พร้อมระบุว่า ครอบครัวของเขาไม่เคยได้รับข้อเสนอช่วยเหลือจากสหรัฐฯ