เอ็นบีซี/นิวส์ออสเตรเลีย - ผู้เคราะห์ร้ายเหยื่อชายเปลือยคลั่งกัดกินใบหน้าและดวงตา อาการยังสาหัสตามหลังเหตุสะเทือนขวัญที่ไมอามี สหรัฐฯ เมื่อบ่ายวันเสาร์ (26) สื่อระบุเนื้อบริเวณใบหน้าหายไปกว่าร้อยละ 75 ขณะที่ตำรวจชี้ว่าคนร้ายอาจประสาทหลอนจากยาเสพติด
มูลเหตุน่าสะเทือนขวัญครั้งนี้ยังคงไม่คลี่คลาย แต่รายละเอียดใหม่ๆ เกี่ยวกับคนร้ายเริ่มปรากฏออกมา แม้ว่าเขาถูกตำรวจยิงเสียชีวิตไปแล้วหลังปฏิเสธปล่อยมือจากเหยื่อ
สำนักข่าว WSVN-TV อ้างคำสัมภาษณ์ของพยานรายหนึ่งซึ่งปั่นจักรยานผ่านเข้ามาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณทางออกสู่ถนนหลวงเส้นหนึ่งที่เชื่อมระหว่างโมอามี บีชกับเซาท์ บีช โดยเล่าว่าตนเองผ่านมาตอนที่เห็นคนร้ายเอียงตัวเข้าหาและกำลังกัดใบหน้าของเหยื่อ จึงแจ้งตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นให้มาดูที่เกิดเหตุ
“นายตำรวจมาถึง ตะโกนสั่งคนร้ายหลายครั้งให้เขาปล่อยเหยื่อ แต่ก็ไม่ได้ผล ตำรวจจึงปีนไปบนที่กั้นทางและตะโกนอีกหลายรอบ ไม่ว่าตำรวจจะข่มขู่อย่างไร ก็ดูเหมือนว่าชายเปลือยไม่ได้สะทกสะท้าน เขาเพียงเงยหน้าขึ้นด้วยที่ยังคาบเศษเนื้ออยู่ในปากและคำรามออกมา” แลร์รี วากา ผู้เห็นเหตุการณ์บอก
ตำรวจเชื่อว่าที่การคำรามของคนร้ายน่าจะเกิดจากฤทธิ์ของแอลเอสดี หรือสารเสพติดชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์หลอนประสาทรุนแรงที่สุด “เหตุบุคคลคนหนึ่งถอดเสื้อผ้าตนเองออกและก่อความรุนแรงเช่นนี้เป็นสิ่งที่เราไม่เคยเจอมาก่อน มันบ่งบอกว่าอาการเพ้อคลั่งนี้มีสาเหตุมาจากการเสพยาเกินขนาด” อาร์มาโด กากีลา ตำรวจไมอามีบอก
รายงานข่าวของ WSVN-TV ระบุด้วยว่า เหยื่ออาจเป็นคนเร่รอนและเวลานี้อาการยังสาหัส โดยเนื้อบริเวณใบหน้าหายไปกว่าร้อยละ 75 ขณะที่แหล่งข่าวหลายคนถึงกับบอกว่ามันเป็นอาการบาดเจ็บที่เลวร้ายที่สุดที่เคยพบเห็นมา
เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นฝั่งตรงข้ามถนนของอาคารสำนักงานสำนักข่าวไมอามี เฮรัลด์ และตำรวจได้ขอภาพจากกล้องวงจรปิดของสื่อมวลชนแห่งนี้ไปตรวจสอบแล้ว ขณะที่ไมอามี เฮรัลด์ ระบุว่าพื้นที่แถบนี้มักมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้งและส่วนใหญ่เหยื่อจะเป็นพวกคนเร่ร่อน