xs
xsm
sm
md
lg

“อัลกออิดะห์” ชวนมุสลิมทำ “สงครามไซเบอร์” โจมตีสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อัลกออิดะห์ออกคลิปวีดีโอเชื้อเชิญมุสลิมที่มีความรู้ด้านระบบคอมพิวเตอร์ ทำสงครามไซเบอร์โจมตีสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า “อิเล็กทรอนิกส์ ญิฮาด”
เอบีซี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ออกวีดีโอชักชวนให้ชาวมุสลิมหันมาทำสงครามไซเบอร์ต่อต้านสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า “อิเล็กทรอนิกส์ ญิฮาด” พร้อมเปรียบเทียบระบบคอมพิวเตอร์ของอเมริกาว่าอ่อนแอ ไม่ต่างจากมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินก่อนเกิดเหตุวินาศกรรม 9/11

อัลกออิดะห์เรียกร้องให้เหล่า “มูจาฮีดีนแฝง” โจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐบาล หรือสาธารณูปโภคที่สำคัญ เช่น เครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้า เป็นต้น

คลิปวีดีโอนี้ตกถึงมือสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ตั้งแต่ปีที่แล้ว ทว่าเพิ่งถูกนำออกเผยแพร่เมื่อวานนี้ (22) โดยคณะกรรมาธิการความมั่นคงภายในแห่งวุฒิสภา

“นี่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดว่า อัลกออิดะห์และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ กำลังวางแผนโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเรา” โจ ลีเบอร์แมน ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงภายในแห่งวุฒิสภา กล่าวในถ้อยแถลง

องค์กรด้านความมั่นคงภายในยืนยันว่า ภัยคุกคามต่อระบบคอมพิวเตอร์นั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และช่องว่างระหว่างจุดประสงค์ของกลุ่มก่อการร้ายกับศักยภาพที่พวกเขาจะทำเช่นนั้นได้
ก็ใกล้เข้ามาทุกที

แซมูเอล ค็อกซ์ เจ้าหน้าที่อาวุโสจากศูนย์บัญชาการคอมพิวเตอร์ (Cyber Command) ของสหรัฐฯ กล่าวว่า หน่วยปฏิบัติการของอัลกออิดะห์กำลังหาวิธีโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของวอชิงตัน ซึ่งพวกเขาอาจจะซื้อเทคโนโลยีดังกล่าวจากพวกแฮกเกอร์ที่เชี่ยวชาญการจารกรรมก็เป็นได้

นอกจากนี้ ยังปรากฎหลักฐานบ่งชี้ว่า อิหร่านจ้องทำสงครามไซเบอร์เพื่อป่วนสหรัฐฯ ทั้งยังสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายให้โจมตีด้วยวิธีดังกล่าวมากขึ้นด้วย

ลีเบอร์แมน ใช้คลิปวีดีโอของอัลกออิดะห์เป็นเหตุผลเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายใหม่ เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจากภักคุกคามดังกล่าว

“สภาคองเกรสจำเป็นต้องออกมาตรการรองรับในทันที เพื่อปกป้องสังคมอเมริกันจากภัย
คุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับกระแสไฟฟ้า, น้ำประปา หรือระบบการเงิน”

คณะกรรมาธิการระบุว่า กระทรวงความมั่นคงภายในได้รับรายงานองค์กรและบริษัทต่างๆ ถูกแฮกข้อมูลไม่ต่ำกว่า 50,000 ครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2010 ถึง 10,000 กรณี
กำลังโหลดความคิดเห็น