เอเอฟพี - ออสเตรเลียมีแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สามารถคงอัตราการผลิตในปัจจุบันไปได้อีกนานเกือบ 200 ปี รายงานซึ่งเผยแพร่วันนี้ (14) ระบุ และเป็นสิ่งยืนยันความเป็นไปได้ที่ออสเตรเลียจะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งของกาตาร์ในด้านการส่งออกก๊าซ
กรุงแคนเบอร์ราเปิดเผยแหล่งก๊าซธรรมชาติซึ่งมีปริมาณก๊าซสำรองถึง 390 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และอาจจะเพิ่มเป็น 2 เท่า หากสามารถผลิตก๊าซจากหินดินดานขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ด้วย มาร์ติน เฟอร์กูสัน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ แถลง
“รายงานฉบับนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ออสเตรเลียมีศักยภาพพอที่จะเป็นผู้ส่งออกก๊าซรายใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานก๊าซที่เพิ่มขึ้นในอนาคต”
ขณะที่อุตสาหกรรมผลิตแร่ธาตุของออสเตรเลียกำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด เฟอร์กูสัน ก็ย้ำว่า แหล่งก๊าซธรรมชาติซึ่งตามรายงานแจ้งว่าสามารถขุดเจาะขึ้นมาใช้ได้อีก 184 ปีนั้น อาจจะเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“การสำรวจก๊าซธรรมชาติจากหินดินดานยังเพิ่งเริ่มต้น และเรายังมีความเข้าใจน้อยมาก แต่หลังจากนี้ ก๊าซจากหินดินดานอาจทำให้ปริมาณก๊าซสำรองของเราเพิ่มเป็น 2 เท่า” เขากล่าว
ก๊าซธรรมชาติ ถือเป็นแหล่งพลังงานสำคัญอันดับ 3 ของออสเตรเลีย รองจากถ่านหินและยูเรเนียม รายงานการประเมินแหล่งก๊าซธรรมชาติออสเตรเลีย ปี 2012 เผย
แหล่งก๊าซส่วนใหญ่อยู่นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ และกำลังได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ ตลอดจนแปรรูปเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เพื่อส่งออก
รายงานซึ่งจัดทำโดยองค์กรจีโอไซเอินส์ ออสเตรเลีย, สำนักงานเศรษฐกิจด้านทรัพยากรและพลังงาน และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ พบว่า รูปแบบของอุตสาหกรรมพลังงานกำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากอิทธิพลของเทคโนโลยีและตลาด โดยแหล่งพลังงานใหม่ๆ จะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น
“2 ปีที่แล้ว ปริมาณก๊าซสำรองจากถ่านหิน (ซีเอสจี) เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว และมีการริเริ่มขุดเจาะซีเอสจี/แอลเอ็นจี เพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง”
“นอกจากนี้ โครงการขุดเจาะก๊าซนอกชายฝั่งอีกหลายแห่งก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว รวมถึงที่แหล่ง Ichthys ซึ่งเป็นแท่นผลิตแอลเอ็นจีกลางมหาสมุทรแห่งแรกของโลก”
ด้วยเหตุที่ก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานสะอาดและแปรรูปได้หลากหลาย จึงคาดว่าจะเป็นธุรกิจพลังงานที่เติบโตเร็วที่สุดในระยะ 25 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียซึ่งกำลังมองหาพลังงานทางเลือกที่สะอาด
ออสเตรเลียส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวประมาณ 20 ล้านตัน ระหว่างปี 2010-2011 คิดเป็นมูลค่า 10,400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 325,000 ล้านบาท) โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศแถบเอเชีย