เอเอฟพี - ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลจีนปล่อยค่าเงินหยวนให้แข็งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และเร่งดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก วันนี้ (3)
วอชิงตัน กล่าวหามานานว่า จีนจงใจตรึงค่าเงินหยวนให้อ่อนกว่าความเป็นจริง เพื่อกระตุ้นการส่งออก ส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนอย่างมหาศาล
ไกธ์เนอร์ระบุว่า ค่าเงินหยวนแข็งขึ้นราว 13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทว่าก็ยังไม่เพียงพอ
“หากเหรินหมินปี้ (หยวน) แข็งค่าขึ้น และเป็นไปตามกลไกตลาดมากยิ่งขึ้น จะช่วยให้จีนบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าสินค้า, ปฏิรูประบบการคลัง และกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ” ไกธ์เนอร์กล่าวระหว่างการประชุมหารือยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน (Strategic and Economic Dialogue) ณ กรุงปักกิ่ง
ก่อนหน้านี้ วอชิงตัน คาดว่า การหารือทางยุทธศาสตร์จะช่วยให้ความสัมพันธ์กับปักกิ่งเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็มาเกิดกรณีนักเคลื่อนไหวตาบอด เฉิน กวงเฉิง หลบหนีการกักบริเวณเข้าไปในสถานทูตอเมริกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จนปักกิ่งเรียกร้องให้สหรัฐฯ แถลงขออภัยที่ “ก้าวก่าย” กิจการภายในของตน
ไกธ์เนอร์ยังขอให้จีนเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจ และเปิดโอกาสในการแข่งขันสำหรับบริษัทต่างชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ
“สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จะรอดูความสำเร็จในแผนปฏิรูปของจีน”
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า จีนควรส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศมากกว่าส่งออก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก, อนุญาตให้บริษัทเอกชนเข้ามามีบทบาทเหนือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รัฐเป็นเจ้าของ และปรับปรุงระบบการเงินให้ทันสมัยขึ้น
ด้าน หวัง ฉีชาน รองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้แทนรัฐบาลปักกิ่ง ระบุว่า จีนกำลังดำเนินการปฏิรูปหลายๆ ด้านอยู่แล้ว เช่น เพิ่มการนำเข้าสินค้า และปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น พร้อมขอให้สหรัฐฯ อย่านำเรื่องเศรษฐกิจมาโยงการเมือง
“เราหวังว่าสหรัฐฯ จะมีมาตรการอย่างจริงจังสำหรับผ่อนคลายการส่งออกสินค้าไฮเทคมายังจีน, ขยายความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐาน, เปิดโอกาสในการเข้าถึงตลาดเงิน และหลีกเลี่ยงการนำปัญหาเศรษฐกิจมาโยงการเมือง” หวังเผย