เดลิเมล์/บีบีซี - สื่อต่างประเทศเผยแพร่ภาพถ่ายซากของลูกแมมมอธถูกพบในไซบีเรีย ขณะที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญชี้ร่างสัตว์จากดึกดำบรรพ์ตัวนี้อาจถูกฉีกโดยฝีมือของเหล่านักล่าผู้หิวโหยเมื่อ 10,000 ปีก่อน ไล่ตั้งแต่ฉลามไปจนถึงสิงโต รวมไปถึงมนุษย์ในยุคต้น
ซากของแมมมอธตัวนี้เป็นตัวแรกที่ถูกพบในสภาพที่ยังสมบูรณ์มีขนสีบลอนด์สตอเบอร์รีปกคลุมเรือนร่าง และถูกให้คำจำกัดความว่าเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ หลังพบหลักฐานว่ามนุษย์ในสมัยโบราณอาจโจมตีและกินแมมมอธเป็นอาหาร ด้วยซากของแมมมอธที่ได้รับการตั้งชื่อว่า "ยูกะ" มีร่องรอยบาดแผลสอดคล้องกับการโจมตีของสิงโตและมนุษย์
"มีหลักฐานที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับการต่อสู้ตัดสินชะตากรรมระหว่างเจ้ายูกะและนักล่าชั้นยอดบางชนิด บางทีอาจเป็นสิงโต" ดาเนียล ฟิเชอร์ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลกและสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยมิชิแกนให้สัมภาษณ์กับบีบีซี "แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือมีร่องรอยแสดงนัยว่ามนุษย์อาจเข้ายึดอาหารชิ้นโตนี้จากนักล่าเหล่านั้น
หากข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นจริง นี่จะเป็นหลักฐานแรกของความมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างแมมมอธและมนุษย์โบราณในพื้นที่นี้
แมมมอธรุ่นหนุ่มตัวนี้ถูกพบอยู่ใต้หน้าผาน้ำแข็งในไซบีเรียโดยพรานล่าสัตว์ชาวไซบีเรียรายหนึ่งและได้มีการส่งมอบมันต่อไปยังองค์กรแมมมอธในเวลาต่อมา
นักวิทยาศาสตร์คาดเดาว่าแมมมอธบางตัวอาจมีสีขนจางกว่านี้จากการวิเคราะห์ยีนของกระดูก แต่การค้นพบเจ้ายูกะนับเป็นการยืนยันด้วยหลักฐานโดยตรงเป็นครั้งแรก ขณะเดียวกันก็สันนิษฐานว่าเจ้ายูกะน่าจะมีอายุราว 2 ปีครึ่งเมื่อตอนที่มันตายเมื่อมากกว่า 10,000 ปีก่อน
ก่อนหน้านี้มีการค้นพบซากของแมมมอธหลายต่อหลายครั้งไล่ตั้งแต่กระดูกไปจนถึงงา แต่การค้นพบซากที่สมบูรณ์เช่นนี้หาได้ยากมาก และเควิน แคมป์เบลล์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแมนิโทบา แคนาดา บอกกับบีบีซีว่า "นี่คือการค้นพบครั้งพิเศษที่หาได้ยากและมีความสำคัญอย่างมาก"
