เอเอฟพี - อังกฤษและอาร์เจนตินาจัดพิธีรำลึกครบรอบ 30 ปีสงคราม 74 วันบนหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ วันนี้ (2) ซึ่งวาระดังกล่าวได้กระตุ้นให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง ตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
สงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของอาร์เจนตินา ซึ่งสูญเสียทหารไป 649 นาย หลังอังกฤษส่งกองกำลังเข้ามายึดคืนหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ซึ่งครอบครองอยู่มาตั้งแต่ปี 1833
ฝ่ายอังกฤษสูญเสียทหารไป 255 นาย รวมถึงชีวิตพลเมืองบนเกาะอีก 3 คน ทว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ประเด็นการสูญเสียชีวิตกลับกลายเป็นเรื่องรอง เมื่อเทียบกับความพยายามของอาร์เจนตินาที่จะอ้างอธิปไตย และเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์จากแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่งหมู่เกาะฟอล์กแลนด์
“วันนี้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ชาวเกาะฟอล์กแลนด์ต้องเผชิญกับพฤติกรรมอันโหดร้ายทารุณ ที่ต้องการปล้นชิงเสรีภาพในการดำรงชีวิตของพวกเขาไป” นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ กล่าว พร้อมระบุว่า อังกฤษ “จะปกป้องสิทธิของพลเมืองหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ และพวกเขาเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์กำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้”
ด้าน ประธานาธิบดีคริสตินา เคิร์ชเนอร์ แห่งอาร์เจนตินา ซึ่งเคยกล่าวประณามการกระทำของอังกฤษว่าเป็นเรื่อง “ผิดยุคสมัย” จะทำพิธีเปิดอนุสรณ์สถานและคบเพลิงที่จะมีไฟลุกโชติช่วงตลอดเวลา ที่เมืองอูชัวเอีย วันนี้ (2) เพื่อรำลึกถึงนายทหารที่เสียชีวิตไปในสงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์
พิธีรำลึกทางฝั่งอังกฤษจะจัดขึ้นที่วนอุทยานแห่งชาติ เมืองอัลรีวาส ทางตะวันออกของประเทศ และจะมีการจุด “คบเพลิงฟอล์กแลนด์” ไว้เป็นเวลาทั้งสิ้น 74 วัน
หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ซึ่งมีประชากรราว 3,000 คน อยู่ห่างจากอาร์เจนตินาออกไปราว 400 ไมล์ทะเล ซึ่งชาวอาร์เจนตินาเรียกหมู่เกาะแห่งนี้ในภาษาของตนว่า “มัลวินาส”
รัฐบาลทหารอาร์เจนตินาส่งกองกำลังบุกหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน ปี 1982 ซึ่งทำให้กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษถึงกับทำอะไรไม่ถูก และเกิดความลังเลสงสัยว่า การส่งทหารเข้าไปยึดคืนหมู่เกาะที่อยู่ไกลโพ้นเช่นนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีหญิง มาร์กาเรต แทตเชอร์ ประกาศชัดเจนว่า อังกฤษจะต้องปกป้องหมู่เกาะฟอล์กแลนด์เอาไว้ให้ได้ และชัยชนะในสงครามครั้งนั้นก็ทำให้ แทตเชอร์ ได้ฉายา “หญิงเหล็ก” และได้รับเลือกตั้งอีกถึง 2 สมัย ในปี 1983 และ 1987