เอเอฟพี - ตำรวจฝรั่งเศสยังคงปิดล้อมอพาร์ตเมนท์ที่มือปืนผู้กราดยิงโรงเรียนยิวในเมืองตูลูสใช้หลบซ่อนตัวมาเป็นวันที่ 2 ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทย โคลด เกอองต์ เผยว่า ไม่มั่นใจว่าคนร้ายจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เนื่องจากไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเจ้าหน้าที่ตลอดทั้งคืน
เสียงปืนและระเบิดดังขึ้นเป็นระยะตลอดคืนที่ผ่านมา ใกล้กับแฟลตในเมืองตูลูสทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสถานที่หลบซ่อนของมือปืนผู้ก่อเหตุยิงทหารฝรั่งเศสและเด็กชาวยิว 3 คน
ตำรวจและหน่วยปรามปรามกลุ่มก่อการร้ายบุกเข้าปิดล้อมอาคาร และยิงปืนหลายนัดในช่วงก่อนและหลังเที่ยงคืนเพื่อข่มขู่ โมฮาเหม็ด เมห์รา วัย 23 ปี ทว่าไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมา
รัฐมนตรีมหาดไทย โคลด เกอองต์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังกังวลที่ เมห์รา ไม่ตอบสนองต่อเสียงปืน และไม่ติดต่อกับเจ้าหน้าที่เลยตลอดคืน
“เรามีเป้าหมายสำคัญคือ นำตัวเขาออกมาโดยยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้เขายอมจำนนและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งก็หวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้” เกอองต์ เผยกับสถานีวิทยุอาร์ทีแอล พร้อมชี้ว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่คนร้ายไม่คิดตอบโต้ หลังจากตำรวจระเบิดเสียงปืนขึ้นหลายนัด
เกอองต์ เปิดเผยว่า เมห์รา เคยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า “ต้องการตายโดยไม่ทิ้งอาวุธ” และเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาก็มีเสียงปืนปริศนาดังขึ้น
“เราได้ยินเสียงปืน 2 นัด แต่ไม่ทราบว่าหมายความอย่างไร... เราพยายามเป็น 2 เท่าเพื่อดึงความสนใจจากเขาตลอดทั้งคืน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย”
อัยการเปิดเผยว่า มือปืนชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรียผู้นี้ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่จากบนแฟลต เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(21) และยังอวดอ้างกับผู้เจรจาว่า เคยได้รับการฝึกจากอัลกออิดะห์บริเวณชายแดนปากีสถาน-อัฟกานิสถานมาแล้ว
“เขาไม่มีท่าทีสำนึกผิดแม้แต่น้อย ซ้ำยังบอกว่าเสียดายที่ไม่มีเวลาสังหารเหยื่อมากกว่านี้ แถมยังคุยว่าสามารถทำให้ฝรั่งเศสคุกเข่าขอความเมตตาได้” ฟรองซัวส์ โมแลงส์ อัยการอาวุโสฝ่ายปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย เผย
การยิงปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับคนร้ายเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืด วานนี้(21) ซึ่งทำให้ทางการฝรั่งเศสมั่นใจว่าล้อมจับไม่ผิดตัว และเชื่อว่า เมห์รา ไม่มีตัวประกันอยู่ในมือ
เมห์รา ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุกราดยิงหลายครั้งในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทหารพลร่มฝรั่งเศสเสียชีวิตไป 3 นาย ทั้งยังสังหารเด็กนักเรียนชาวยิว 3 คนและครูอีก 1 คนอย่างโหดเหี้ยม สร้างความตกตะลึงแก่ชาวเมืองน้ำหอมทั้งประเทศ
เขาอ้างว่า ต้องการแก้แค้นให้ชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิต และไม่เห็นด้วยที่ฝรั่งเศสส่งทหารไปร่วมรบในอัฟกานิสถาน และห้ามสตรีมุสลิมสวมผ้าคลุมหน้า