เอเอฟพี - รัฐบาลกรีซแถลงในวันนี้ (9) ว่า เจ้าหนี้เอกชนเกือบ 84 เปอร์เซ็นต์ ตกลงเข้าร่วมแผนแปลงหนี้ (debt swap) ปูทางไปสู่การรับเงินกู้ฉุกเฉินก้อนใหม่ เพื่อช่วยให้เอเธนส์รอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้ (default)
ผู้ถือตราสารหนี้กรีซ 83.5 เปอร์เซ็นต์ ยอมเข้าสู่การแปลงหนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 172,000 ล้านยูโร กระทรวงการคลังเอเธนส์แถลง
ความสำเร็จในการแปลงหนี้ซึ่งผู้ถือตราสารหนี้เอกชนจะยอมลดหนี้เงินลงครึ่งหนึ่ง หมายความว่า กรีซจะสามารถรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้ที่มีกำหนดจ่ายในวันที่ 20 มีนาคม หากกรีซผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมา คาดกันว่าจะสร้างความเสียหายมูลค่า 1 แสนล้านยูโร และส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก
ข่าวดีนี้ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียพุ่งขึ้นพรวดพราด เช่น ตลาดหุ้นในโตเกียวที่ปิดระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน
กรีซตั้งเงื่อนไขเบื้องต้นไว้ว่า ต้องมีเจ้าหนี้เข้าร่วมด้วยมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ จึงจะสามารถขับเคลื่อนข้อตกลงแปลงหนี้ได้ และเมื่อปรากฏว่า มีผู้ถือพันธบัตรยอมช่วยเหลือถึง 83.5 เปอร์เซ็นต์ เอเธนส์ก็จะสามารถบังคับใช้กฎการกระทำการร่วมกัน (collection action clauses) เพื่อบังคับให้เจ้าหนี้ที่เหลือร่วมแผนแปลงหนี้
เมื่อกรีซบังคับใช้กฎดังกล่าว คาดกันว่าจะกระตุ้นให้เจ้าหนี้รายอื่นๆ ยอมร่วมแผนด้วยถึง 95.7 เปอร์เซ็นต์ กระทรวงการคลังกรีซแถลง
คณะกรรมการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีแผนจะประชุมกันในวันที่ 15 มีนาคม เพื่อประเมินเงินกู้ก้อนใหม่ที่จะให้กับกรีซ ก่อนถึงกำหนดวันชำระหนี้ เจอร์รี ไรซ์ โฆษกไอเอ็มเอฟ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (8) ทั้งนี้ อียูและไอเอ็มเอฟระบุว่า จำเป็นต้องมีเจ้าหนี้เอกชนของกรีซเข้าร่วมแผน 95 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดหนี้สินกรีซอย่างยั่งยืนให้เหลือ 120 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพีภายในปี 2020