เอเอฟพี - ฮิลลารี คลินตันเรียกร้องจีนแสดง “แนวทางรูปธรรม” เพื่อยืนยันว่า อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของแดนมังกรเป็นสิ่งที่ให้ผลดีต่อโลก ย้ำปักกิ่งจำเป็นต้องแสดงบทบาทให้สมกับการเป็นมหาอำนาจโลก ไม่ใช่บ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบโดยอ้างสถานะประเทศกำลังพัฒนา
ในการแถลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์อย่างกว้างๆ ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ณ สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ (US Institute of Peace) เมื่อวันพุธ (7) ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ย้ำให้จีนปกป้องสิทธิ์ของธุรกิจต่างชาติ ปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นธรรมและสิทธิมนุษยชน
คลินตันปฏิเสธเสียงวิจารณ์ในปักกิ่งที่ว่า สหรัฐฯ พยายามปิดล้อมจีน โดยยืนยันว่า จีนที่เข้มแข็งและมั่งคั่งขึ้นควรเป็นผลดีต่อทุกฝ่ายในท้ายที่สุด แต่เธอย้ำว่าการเติบโตของแดนมังกรหมายความว่า จีนไม่สามารถได้ทุกอย่างที่ต้องการด้วยการขอให้ประเทศอื่นปฏิบัติต่อตนในฐานะมหาอำนาจ แต่ขณะเดียวกัน กลับต้องการรับผิดชอบน้อยกว่าคนอื่นๆ โดยอ้างสถานะความเป็นประเทศกำลังพัฒนา
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สำทับว่า โลกกำลังรอคอยให้จีนรับบทบาทที่เหมาะสมกับสถานะมหาอำนาจใหม่ และเป็นที่เข้าใจได้ว่า ประชาคมนานาชาติต้องการความมั่นใจว่า อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย
“ภัยคุกคามด้านความมั่นคงและเสถียรภาพจากมหาอำนาจเกิดใหม่ในอดีต ทำให้ประเทศนั้นๆ มีภาระหน้าที่พิเศษในการแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า กำลังดำเนินการในแนวทางที่สร้างสรรค์ และสิ่งนี้เป็นจริงอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่โตเร็วมากแบบจีน”
ทั้งนี้ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4) จีนประกาศงบกลาโหมสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2012 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด และสร้างความไม่สบายใจให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียที่ระบุว่า จีนใช้ท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นในการอ้างสิทธิ์ในข้อพิพาทด้านดินแดน
คลินตันยอมรับว่า จีนมีบทบาทผู้นำมากขึ้นในหลายด้าน อาทิ จากการมีส่วนร่วมในปฏิบัติการปราบปรามโจรสลัดในน่านน้ำโซมาเลีย และการฟื้นเศรษฐกิจโลกจากภาวะถดถอย กระนั้น จีนจำเป็นต้องตอบคำถามเกี่ยวกับนโยบายด้านอื่นๆ ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์นองเลือดในซีเรีย
“จีนจะใช้อำนาจที่มีเพื่อช่วยยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน เช่น ในซีเรียหรือไม่
“จีนจะอธิบายการสั่งสมแสนยานุภาพทางทหารและเป้าหมายสูงสุดของยุทธศาสตร์ นโยบาย และโครงการด้านกลาโหมของตนหรือไม่ เพื่อให้ความมั่นใจต่อเพื่อนบ้าน หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด และสนับสนุนการรักษาความมั่นคงในภูมิภาค”
จีนนั้นร่วมกับรัสเซียใช้สิทธิยับยั้งร่างมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มุ่งกดดันประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ให้ก้าวลงจากตำแหน่ง ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการให้มีการเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของซีเรีย แต่หลังจากถูกวอชิงตันวิจารณ์อย่างหนัก ปักกิ่งก็ส่งคณะผู้แทนไปยังดามัสกัสเพื่อส่งเสริมแผนการยุติความรุนแรง แต่ยังคงยอมให้อัสซาดอยู่ในอำนาจต่อไป
คลินตันยังย้ำข้อเรียกร้องให้จีนจัดการกับข้อกังวลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงค่าเงินหยวนที่สหรัฐฯ ระบุว่า ต่ำกว่าความเป็นจริง และยังพาดพิงถึง “ความไม่ลงรอยที่ลึกซึ้งและยาวนาน” เรื่องสิทธิมนุษยชน
รัฐมนตรีต่างประเทศแดนอินทรีระบุว่า การปฏิรูปที่สนับสนุนเป้าหมายด้านศาสนา ภาษา และวัฒนธรรมที่หลากหลาย จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในความสำเร็จของประเทศมากขึ้น จะส่งผลให้สังคมจีนมีเสถียรภาพ มั่งคั่ง และสงบสุขยิ่งขึ้น
ปีที่ผ่านมา มีชาวทิเบตกว่า 20 คนเผาตัวเองเพื่อประท้วงการกดขี่ของจีน
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หยางเจี๋ยฉือ กล่าวในงานเดียวกันผ่านวิดีโอลิงก์จากปักกิ่ง เรียกร้องให้วอชิงตันเคารพคำมั่นสัญญาของตนเองมีให้ไว้ในเรื่องทิเบตและไต้หวัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อสัมพันธ์สหรัฐฯ -จีน
“จีนยึดมั่นในการพัฒนาอย่างสันติ เราหวังว่า สหรัฐฯ จะมองพัฒนาการของเราในแบบที่ถูกต้องและเป็นธรรม และดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความไว้วางใจระหว่างกัน”
อนึ่ง การประชุมคราวนี้มีขึ้นในวาระครบรอบ 40 ปีการเยือนจีนของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน และคลินตันระบุว่า นับจากนั้นจนถึงวันนี้ สหรัฐฯ พยายามร่วมมือกับจีนมาตลอด รวมทั้งยืนยันกำหนดการที่เธอจะเยือนปักกิ่งในเดือนพฤษภาคมนี้