เอเอฟฟี - สหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (1) เรียกร้องให้นำตัวผู้กระทำผิดจากกรณีเผาพระคัมภีร์อัลกุรอานในอัฟกานิสถานมาลงโทษ แต่ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างประชาคมนานาชาติกับชาวอัฟกันจะยังคงแข็งแกร่ง แม้เหตุความรุนแรงจากการประท้วงแสดงความโกรธกริ้วตอการเผาพระคัมภีร์ของนายทหารสหรัฐฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 40 คน
“มันไม่ส่งผลกระทบต่อเจตนารมณ์ของเราสำหรับการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่และประชาชนชาวอัฟกานิสถาน” แจน คูบิส ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติประจำอัฟกานิสถาน กล่าวตามหลังเหตุประท้วงนองเลือด พร้อมชี้แจงเหตุเผาพระคัมภีร์ว่า “เป็นความผิดพลาดที่โชคร้ายอย่างมาก และน่าเศร้าใจอย่างยิ่ง” และบอกต่อว่าสหประชาชาติคาดหมายเห็นการลงโทษทางวินัยหลังการสืบสวนเสร็จสิ้นแล้ว
ความเห็นของเขามีออกมาในวันเดียวกับที่นายทหารของกองกำลังนาโต 2 นายถูกทหารเพื่อนร่วมค่ายชาวอัฟกานิสถานยิงเสียชีวิต เหตุโจมตีพวกเดียวกันเองครั้งล่าสุดจากหลายๆ ครั้งที่เกิดขึ้นตามหลังการเผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน ณ ฐานทัพแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อัฟกานิสถานเผยว่าทหารทั้ง 2 นายเป็นกำลังพลของสหรัฐฯ และถูกสังหาร ณ ค่ายทหารแหน่งหนึ่งในจังหวัดกันดาฮาร์ อันเป็นเสมือนถิ่นฐานทางด้านจิตวิญญาณของกลุ่มตอลิบาน
กลุ่มหัวรุนแรงตอลิบานระบุในถ้อยแถลงว่า ตามรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือเผยว่าเป็นเหตุการยิงกันระหว่างทางการอัฟกันกับกองกำลังต่างชาติตามหลังการโต้เถียงกันเรื่องเหตุเผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน ณ ฐานทัพบากรัม
ด้านกองกำลังนานาชาติเพื่อช่วยรักษาความมั่นคงที่นำโดยสหรัฐฯ ของนาโตบอกว่า นายทหารทั้งสองคนถูกชายคนหนึ่งซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นสมาชิกของกองกำลังทหารแห่งชาติอัฟกันและชายอีกคนในชุดพลเรือนสาดกระสุนเข้าใส่
เหตุการณ์ล่าสุดนี้ ส่งผลให้ยอดนายทหารสหรัฐฯ ที่ถูกยิงตายด้วยฝีมือของเพื่อนทหารชาวอัฟกันเพิ่มเป็น 6 นายแล้ว หลายสัปดาห์นับตั้งแต่เกิดเหตุประท้วงเดือดดาลต่อกรณีเผาพระคัมภีร์ ขณะเดียวกันก็มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วกว่า 40 คน ในการประท้วงรุนแรงที่ผู้ชุมนุมมีเป้าหมายเล่นงานฐานทัพของชาติตะวันตก ที่ฉุดความสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ และอัฟกานิสถานดำดิ่งสู่จุดต่ำสุด