เอเอฟพี - จูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งออสเตรเลีย รอดตัวจากการท้าชนชิงเก้าอี้ผู้นำพรรคเลเบอร์ ของเควิน รัดด์ อดีตผู้นำประเทศ โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งรายนี้ไปได้อย่างขาดลอย
นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของแดนจิงโจ้ยังรักษาตำแหน่งผู้นำพรรคไว้ได้ หลังเอาชนะรัดด์ด้วยคะแนน 71 ต่อ 31 ในการลงคะแนนลับของสมาชิกพรรคเลเบอร์ 103 คน แม้จะมีสมาชิกขาดไป 1 คนก็ตาม
“การลงคะแนนเสียงเกิดขึ้นแล้ว และจูเลีย กิลลาร์ดก็ชนะไปด้วยคะแนน 71 ต่อ 31 เสียง” คริส เฮย์ส กรรมการการลงคะแนนเสียงในการต่อสู้อันดุเดือดนี้กล่าว โดยว่า “ผมขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าจูเลียได้รับเลือกให้เป็นผู้นำพรรคเลเบอร์ในรัฐสภาอีกครั้ง”
นี่ยังถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในการลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าพรรคเลเบอร์ทีเดียว
หลังทราบผลการลงคะแนน รัดด์ก็ออกมายอมรับความพ่ายแพ้ และรับรองว่าจะให้การสนับสนุนกิลลาร์ดอย่างเต็มที่
“ถึงจูเลีย ผมขอยอมรับการตัดสินในการลงคะแนนเสียงอย่างสมบูรณ์ และผมจะอุทิศตัวทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้เธอได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียอีกครั้ง” เขากล่าว
“ผมไม่ได้มีความขุ่นเคืองใจ ผมไม่ได้ประสงค์ร้ายกับใคร และหากผมทำอะไรผิดต่อใครไปในสิ่งที่ผมพูด หรือทำไป ผมก็ต้องขอโทษพวกเขาด้วย” อดีตนายกฯ เสริม
ด้าน นายกฯ หญิงของออสเตรเลียแถลงว่า “วันนี้ ดิฉันอยากบอกชาวออสเตรเลียทุกคนว่า ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นผู้นำนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ดิฉันสามารรับรองกับพวกคุณได้ว่าความขัดแย้งทางการเมืองก็สิ้นสุดลงด้วย”
นอกจากนี้ เธอยังแสดงความเชื่อมั่นว่าจะนำพรรคเอาชนะในการเลือกตั้งปีหน้าได้ด้วย แม้ผลสำรวจความเห็นจะตามหลังพรรคคอนเซอร์เวทีฟอยู่ก็ตาม
กิลลาร์ดประกาศให้มีการโหวตครั้งนี้ เพื่อยุติความไม่ลงรอยกันกับอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเธอสามารถเขี่ยเขาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคได้ในปี 2010 จากการปฏิวัติพรรคอันน่าตกตะลึง จนเกิดความแตกแยกภายในพรรค
รัดด์ก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 2007 ด้วยชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งยุติการปกครองประเทศภายใต้พรรคคอนเซอร์เวทีฟมานานนับ 10 ปีลงได้ แต่การดำเนินนโยบายผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เขาสูญเสียความเชื่อมั่นจากบรรดาแกนนำของพรรค ที่หันไปสนับสนุนกิลลาร์ดแทน
ผู้สังเกตการณ์ชี้ว่า เขาไม่เคยให้อภัยกิลลาร์ดในกรณีนั้น โดยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างกะทันหันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนประกาศท้าทายชิงเก้าอี้ผู้นำพรรค โดยเชื่อว่าตัวเขาจะสามารถช่วยให้พรรครอดจากความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งปี 2013 ได้