บีบีซี - เคธี วูดส์ สาวอังกฤษที่เสพติดเฮโรอีนมานานกว่า 3 ปี ได้เดินทางมาบำบัดอาการติดยาที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก และเธอก็สามารถเอาชนะใจตัวเอง เลิกข้องแวะกับยาเสพติดได้โดยเด็ดขาด เว็บไซต์ข่าวบีบีซีรายงาน
วูดส์ อายุ 29 ปี ชาวมณฑลเซอร์เรย์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ เริ่มเสพยาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 18 ปี ก่อนที่จะหันมาติดเฮโรอีนในช่วงหลังๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวของเธออย่างมาก โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่คิดอยู่เสมอว่า คงได้เห็นลูกสาวเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเข้าสักวัน
องค์กรอีสต์ เวสต์ ดีท็อกซ์ ในเมืองรีดดิง ยื่นมือเข้าช่วยวูดส์ โดยส่งเธอเดินทางมายังสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพื่อเข้ารับการบำบัด
วูดส์ เล่าว่า เธอเริ่มจากการคบเพื่อนไม่ดี และเมื่อลองเสพยา ทุกอย่างก็ควบคุมไม่ได้
ก่อนหน้านี้ เธอเคยพยายามเลิกใช้เฮโรอีน ด้วยการใช้ยาเมธาโดน ทดแทนเฮโรอีน แต่ก็ไม่สำเร็จ “มันไม่ได้ช่วยให้ฉันเลิกเฮโรอีน มันเลวร้ายมาก ฉันว่ามันแย่ยิ่งกว่าเฮโรอีนเสียอีก”
ทั้งนี้ องค์กรการกุศล อีสต์ เวสต์ ดีท็อกซ์ คอยช่วยเหลือให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการบำบัดอาการติดยาจากพระสงฆ์ที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกมาตั้งแต่ปี 1957
ในช่วงการรักษา เคธี วูดส์ จะถูกยึดเงิน ข้าวของส่วนตัว และหนังสือเดินทางไว้ชั่วคราว ขั้นตอนแรกสุด เธอต้องให้สัจจะสาบานว่า จะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเป็นครั้งที่สอง
“สัจจะเป็นการให้คำสาบานว่าจะไม่กลับไปเสพยาอีก” วูดส์เล่า
ชีวิตของเธอตลอดการรักษาจะขึ้นอยู่กับเสียงระฆังที่คอยลั่นเป็นสัญญาณ มีการอบสมุนไพรอย่างเคร่งครัดทุกวัน และในสัปดาห์แรก เธอต้องทนกับความทรมานจากความเจ็บป่วยที่เกิดจากอาการลงแดง
พระที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก เชื่อว่า อาการดังกล่าวจะช่วยกำจัดพิษออกจากร่างกาย โดยในช่วง 5 วันแรก ผู้ป่วยจะต้องดื่มยาสมุนไพรที่ทำให้สำรอกพิษในร่างกายออกมา
เคธี วูดส์ เล่าต่อว่า ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุด คือ ตอนกลางคืน “การอดยาในตอนกลางคืน มันยาวนานมาก เพราะคุณจะถูกขังอยู่ในห้องตั้งแต่สามทุ่มจนถึงตีสี่ครึ่ง”
“คุณข่มตาให้หลับก็ไม่ได้ ในห้องยังไม่มีใครพูดอังกฤษเป็นอีก ตอนกลางคืนจึงเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุด”
อนึ่ง พระสงฆ์ที่ถ้ำกระบอก ระบุว่า ไม่รู้ว่ามีผู้ป่วยกี่คนที่สามารถเลิกยาได้เด็ดขาด แต่จากรายงานในปี 2011 ของ อีสต์ เวสต์ ดีท็อกซ์ อ้างว่า อัตราผู้ที่เลิกยาเสพติดสำเร็จจากถ้ำกระบอกมีมากกว่าการเลิกยาในอังกฤษถึง 2 เท่า
เคธี วูดส์ บินกลับอังกฤษหลังใช้เวลารักษาตัวอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ และหลังการบำบัดผ่านมา 8 เดือน เธอก็ยังไม่กลับไปแตะต้องยาเสพติด
เธอเล่าว่า “ฉันยังมีเพื่อนที่เล่นยาอยู่ มันก็ชวนให้อยากยาบ้าง แต่หลังจากฉันผ่านมันมาได้ พลังบางอย่างภายในตัวฉันมันบอกว่า ‘ไม่’ ไม่มีทางกลับไป มันเปลี่ยนชีวิตฉันมาพอแล้ว”