เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือนเมื่อวันอังคาร (21) หลังกรีซได้รับเงินช่วยเหลือรอบใหม่และชาติเอเชียลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากอิหร่านตามหลังมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน ขณะปัจจัยวิกฤตหนี้ที่คลี่คลายของเอเธนส์ ดันให้ดาวโจนส์ทะลุ 13,000 จุด ก่อนขยับลงมาจากแรงฉุดของผลประกอบการบริษัทรายใหญ่
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 121.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 9 เดือนเช่นกัน
ตลาดน้ำมันเคลื่อนไหวอย่างคึกคักหลังรัฐมนตรีคลังยูโรโซนอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบสองมูลค่า 130,000 ล้านยูโร (172,000 ล้านดอลลาร์) ป้องกันไม่ให้กรีซผิดชำระหนี้ในเดือนหน้า หลังจากสามารถกล่อมเจ้าหนี้เอกชนให้ยอมรับยอดขาดทุนเพิ่ม และเอเธนส์รับปากลดการใช้จ่ายก้อนใหญ่
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำยังได้ปัจจัยเสริมจากกรณีมีข่าวว่าชาติยักษ์ใหญ่ในเอเชียทั้งจีน อินเดียและญี่ปุ่น กำลังวางแผนลดการพึ่งพาน้ำมันของอิหร่านลงร้อยละ 10 ตามหลังชาติตะวันตกออกมาตการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อภาคพลังงานของเตหะราน
ก่อนหน้านี้สหภาพยุโรปมีมติห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน เพื่อหวังกดดันให้เตหะรานล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามทางเตหะราน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ตอบโต้ด้วยการระงับส่งออกน้ำมันไปยังอังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกนี้คือปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้าน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (21) ซื้อขายกันอย่างคึกคัก โดยช่วงหนึ่งดาวโจนส์พุ่งแตะ 13,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 ตามข่าวสหภาพยุโรปอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบใหม่แก่กรีซ แต่สุดท้ายก็ขยับลงมาปิดลบในกรอบแคบๆ จากแรงขายทำกำไรและรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ในนั้นรวมไปถึงวอล-มาร์ต
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 4.92 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,944.95 แนสแดค ลดลง 14.05 จุด (0.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,937.73 เอสแอนด์พี ลดลง 1.93 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,359.30
