เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กพุ่งแรงวานนี้(17) จากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ชาติผู้ส่งออกรายใหญ่และนักลงทุนมองในแง่ดีว่าวิกฤตหนี้กรีซอาจคลี่คลาย ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดผสมผสาน โดยแนสแดกถูกหุุ้นของบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ฉุดให้อยู่ในแดนลบ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ ปิดที่ 103.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 9 เดือน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 119.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งพุ่งขึ้นไปแตะ 120.70 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนปีก่อน
"ด้วยแสงสว่างแห่งความหวังต่อความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ ประกอบการวิกฤตอิหร่าน ส่งผลให้ช่วงหนึ่งของการซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน เหนือ 120 ดอลลาร์" คาร์สเทน ฟริคส์ช นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงค์กล่าว
"แม้อิหร่านปฏิเสธข่าวห้ามส่งออกน้ำมันมายังยุโรปอย่างทันท่วงที แต่ดูเหมือนผู้บริโภคยุโรปได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้แล้ว" เขาระบุ "แหล่งข่าวภาคอุตสาหกรรมบอกว่าเหล่าบริษัทน้ำมันในยุโรปได้ลดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านในเดือนมีนาคมลงมากกว่า 300,000 บาร์เรลต่อวัน นี่นำมาซึ่งอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของน้ำมันทางเลือกชนิดอื่นๆ และเหตุนี้เองที่ผลักราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น"
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(17) ปิดผสมผสาน โดยดาวโจนส์ขยับขึ้นเล็กน้อย ส่วนแนสแดก ขยับลงจากแรงฉุดของหุ้นบริษัทยากิลิแอด ขณะที่นักลงทุนรอฟังข่าวเกี่ยวกับวิกฤตหนี้กรีซท่ามกลางความคาดหมายว่ายุโรปจะตัดสินชะตากรรมเงินกู้ของเอเธนส์ต้นสัปดาห์หน้า
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 46.70 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,950.78 แนสแดค ลดลง 8.07 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,951.78 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.17 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,361.21
ตลาดซื้อขายอย่างระมัดระวังท่ามกลางการส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากยุโรปว่าจะตัดสินอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดใหม่แก่กรีซหรือไม่ในวันจันทร์(20) ขณะที่ดัชนีผู้บริโภคสหรัฐฯในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนธันวาคมเพียงร้อยละ0.2 เท่านั้น