เอเอฟพี - ราคาน้ำมันลดลงอย่างแรงเมื่อวันพุธ (28) หลังข้อมูลเผยสต๊อกพลังงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกินคาด บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันอ่อนแอในชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ขณะที่วอลล์สตรีทก็ปิดลบหนักเช่นกัน เหตุความกังวลต่อวิกฤตหนี้กรีซกลับเข้ามาปกคลุมตลาดอีกครั้ง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หลังจากพุ่งแรงวันอังคาร (27) จากความหวังว่าชาติยุโรปจะสามารถยับยั้งวิกฤตหนี้ไม่ให้ลุกลามได้ ราคาน้ำมันวานนี้ (28) เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน เมื่อกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นถึง 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะสูงขึ้นเพียง 700,000 บาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้(28) ปิดลบอย่างแรง เนื่องด้วยยังมีความกังวลอย่างไม่ลดละว่ายุโรปจะหาวิธีที่ได้ผลจริงๆ สำหรับจัดการกับวิกฤตหนี้สินของกรีซได้หรือไม่ หลังจากเมื่อวันอังคาร (27) นักลงทุนมองในแง่ดีว่ารัฐบาลชาติยุโรปจะสามารถจำกัดวงวิกฤตหนี้ไม่ให้ลุกลามช่วยฉุดให้วอลล์สตรีทปิดบวกอย่างคึกคัก
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 178.50 จุด (1.6 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,012.19 จุด แนสแดค ลดลง 55.25 จุด (2.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,491.58 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 24.12 จุด (2.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,151.26 จุด
การปรับลดในวันพุธ (28) มีขึ้นหลังจากวอลล์สตรีทปิดลงแรงมาต่อเนื่อง 2 วันติดและมีขึ้นก่อนหน้าที่รัฐสภาเยอรมนีจะลงมติเกี่ยวกับข้อตกลงช่วยเหลือรอบใหม่แก่กรีซ ในจำนวนนั้นรวมไปถึงแผนขยายวงเงินกองทุนช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหาหนี้สิน