เอเอฟพี/บีบีซี - หน่วยรักษาความปลอดภัยออสเตรเลียต้องเข้าช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด ออกจากร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองแคนเบอร์ราเมื่อวันพฤหัสบดี(26) หลังจากถูกปิดล้อมด้วยกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องสิทธิของชาวอะบอริจินที่อยู่ในอารมณ์เดือดดาล
นางกิลลาร์ดและผู้นำฝ่ายค้าน โทนี แอบบอตต์ ติดอยู่ในร้านอาหารลอบบี ขณะที่ผู้ชุมนุมหลายสิบคนรวมตัวกันประท้วงต่อต้านวันชาติออสเตรเลีย ที่ระลึกถึงการเข้ามาตั้งรกรากของคนอังกฤษในออสเตรเลียเมื่อปี 1788 แต่คนพื้นเมืองเรียกวันดังกล่าวว่าเป็นวันบุกรุกหรือวันรุกรานแห่งชาติ
เจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงและตำรวจปราบจลาจลพร้อมโล่พลาสติกต้องเข้าอารักขานำผู้นำทั้งสองคนฝ่าฝูงชนออกมาจากร้านอาหารอย่างทุลักทุเล ขณะที่จากภาพข่าวเห็นได้ว่ากิลลาร์ด มีอาการตื่นตกใจถึงกับก้าวสะดุด รองเท้าหลุดและเกือบหกล้มระหว่างที่วิ่งออกมาด้วย
การชุมนุมปะทุขึ้นขณะที่ผู้นำทั้งสองคนกำลังเข้าร่วมพิธีมอบเหรียญเกียรติยศแก่เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉิน และต่อมานายกรัฐมนตรีหญิงได้ให้สัมภาษณ์บอกว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยและชื่นชมตำรวจว่าทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม "สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันโกรธคือมันรบกวนกิจกรรมที่สุดวิเศษนี้"
รายงานข่าวระบุว่าระหว่างการประท้วงนั้นผู้ชุมนุมหลายคนได้ทุบตีกำแพงกระจกของอาคารร้านอาหารและตะโกนว่า "น่าอดสู" และ "พวกเหยียดผิว"ด้วย
ทั้งนี้ผู้ประท้วงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของพวกที่มาร่วมพิธี "วันรุกรานแห่งชาติ" ณ สำนักตัวแทนอะบอริจิน ค่ายถาวรของนักเคลื่อนไหวชนพื้นเมืองที่กำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีในปีนี้
ไมเคิล อันเดอร์สัน ผู้ก่อตั้งสำนักตัวแทนที่สร้างจากกระโจมผ้าใบนี้ เผยว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีอารมณ์เดือดดาลต่อคำพูดก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันของนายแอบบอตต์ ที่บอกว่าการประท้วงของชาวอะบอริจินไม่มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว
เชื่อกันว่าครั้งที่อังกฤษเข้ามาตั้งรกรากในออสเตรเลียเมื่อหลายร้อยปีก่อน เวลานั้นมีประชากรอะบอริจินอยู่เกือบ 1 ล้านคน แต่เวลานี้พบว่าประชากรของอะบอริจินเหลืออยู่เพียง 470,000 คน จากจำนวนประชากรทั้งหมดของออสเตรเลีย 22 ล้านคน