xs
xsm
sm
md
lg

ไอเอ็มเอฟเล็งหาทุนเพิ่ม $5 แสนล้าน เหตุวิกฤตหนี้ยุโรปลุกลาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ
เอเอฟพี - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟเผยวานนี้ (18) จะต้องหาเงินงบประมาณก้อนใหม่เพิ่มอีก 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปเป็นภัยต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น

ไอเอฟเอ็มกล่าวว่า ขาดแหล่งเงินทุนในฐานะที่พึ่งสุดท้ายซึ่งทั่วโลกจะกู้ยืมเงินได้ ขณะที่หลายประเทศในยุโรปกำลังถอยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และกรีซก็หลีกหนีการผิดนัดชำระหนี้ไม่ได้

"ตามการประเมินของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับความจำเป็นทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้ทั่วโลก ราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงหลายปีที่จะถึงนี้ ทางกองทุนจึงต้องหาเงินอีก 500,000 ล้านดอลลาร์ เป็นแหล่งเงินกู้เพิ่มเติม" ไอเอ็มเอฟแถลง

สำหรับงบประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์ ที่ไอเอ็มเอฟต้องการนั้น ส่วนหนึ่งจะมาจากชาติยุโรป ที่เพิ่งให้คำมั่นเมื่อไม่นานมานี้ว่าจะสนับสนุนเงินประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์

"ในขั้นต้นนี้ เรากำลังมองหาทางเลือกเกี่ยวกับเงินทุน และจะไม่มีการแสดงความเห็นใดอีกจนกว่าการปรึกษาที่จำเป็นกับสมาชิกของกองทุนจะเสร็จสิ้นเสียก่อน" สถาบันการเงินของโลก ซึ่งมีชาติสมาชิก 187 ประเทศกล่าว

ถ้อยแถลงดังกล่าวของไอเอ็มเอฟมีขึ้นหลังการประชุมบอร์ดบริหารในวันอังคาร (17) เพื่อหารือเกี่ยวกับความพอเหมาะพอดีของแหล่งเงินทุน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 385,000 ล้านดอลลาร์

ด้าน คริสทีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟกล่าวว่า คณะกรรมการตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องมั่นใจว่าไอเอ็มเอฟมีงบประมาณเพียงพอ ในการช่วยเหลือเศรษฐกิจโลก และระดับภูมิภาค ในปัจจุบันให้รอดพ้นจากความอ่อนแอ

ผู้นำยูโรโซนให้สัญญาในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่าจะให้เงินกู้ทวิภาคีแก่ไอเอ็มเอฟมูลค่า 150,000 ยูโร หรือ 192,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในยุโรป อย่างเช็ก เดนมาร์ก โปแลนด์ และสวีเดนก็คาดว่าจะเสนอเงินช่วยเหลือด้วย

ส่วนอังกฤษ ซึ่งเป็นสมาชิกนอกกลุ่มยูโรโซน กล่าวว่าจะพิจารณาคำร้องขอของไอเอ็มเอฟ แต่เรียกร้องว่างบประมาณจะถูกใช้ช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหา ไม่ใช้เพื่อช่วยรักษาสถานะเงินยูโร

สำหรับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ถือประโยชน์ร่วมรายใหญ่ที่สุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศนั้นปฏิเสธที่จะให้เงินช่วยเหลือเพิ่ม

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ไอเอ็มเอฟจะหาทางเพิ่มเงินทุนก้อนมหาศาลจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยเฉพาะบราซิล จีน อินเดีย และรัสเซีย
กำลังโหลดความคิดเห็น