เอเอฟพี/เอเจนซี - ศาลอิหร่านตัดสินให้ประหารชีวิตชาวอเมริกันเชื้อสายอิหร่านผู้หนึ่ง ในข้อหาเป็นสายลับจารกรรมข้อมูลให้ซีไอเอ สำนักข่าวของทางการอิหร่านรายงานเมื่อวันจันทร์(9) นับเป็นการเพิ่มความเป็นศัตรูกันระหว่างกรุงเตหะรานกับกรุงวอชิงตัน ในจังหวะเวลาที่อิหร่านกำลังใช้การข่มขู่คุกคามทางทหารมาตอบโต้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรใหม่ๆ ของสหรัฐฯ
สำนักข่าวฟาร์ส นิวส์ รายงาน โดยอ้างคำตัดสินของผู้พิพากษาศาลปฏิวัติในเตหะราน ขณะที่สำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ อ้างคำแถลงของโฆษกศาลยุติธรรม แต่มีเนื้อหาตรงกันว่า อามีร์ เมอร์ไซ เฮกมาติ วัย 28 ปี อดีตนาวิกโยธินอเมริกันซึ่งเกิดในสหรัฐฯ ถูกตัดสินประหารชีวิตโทษฐานให้ความร่วมมือกับชาติศัตรู และทำงานเป็นสายลับให้แก่สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) อีกทั้งพยายามโยงอิหร่านกับลัทธิก่อการร้าย
ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนที่แล้ว เฮกมาติ บุตรชายของชาวอิหร่านอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ และถูกจับกุมมานานหลายเดือนแล้ว ได้ปรากฏตัวทางสถานีทีวีของรัฐบาลอิหร่าน โดยกล่าวเป็นภาษาฟาร์ซีและภาษาอังกฤษว่า ตนเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่ถูกส่งเข้าไปแทรกซึมกระทรวงสารสนเทศของอิหร่าน
เจ้าหน้าที่อิหร่านบอกว่า ความลับของเฮกมาติถูกเปิดเผย หลังจากสปายอิหร่านเห็นเขาในฐานทัพอากาศอเมริกันในเมืองบากรัม อัฟกานิสถาน
ทว่า ครอบครัวของเฮกมาติในอเมริกากล่าวกับสื่ออเมริกันว่า เฮกมาติเดินทางไปอิหร่านเพื่อเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ พร้อมยืนยันว่าเขาไม่ใช่สายลับ
ในการไต่สวนซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมนั้น อัยการยึดถือ “คำสารภาพ” ของเฮกมาติในการกล่าวหาว่า เขาพยายามแทรกซึมกระทรวงสารสนเทศของอิหร่าน ด้วยการเสแสร้งเป็นทหารอเมริกันแปรพักตร์ที่มีข้อมูลลับมาเปิดเผย
ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้ปล่อยตัวเฮกมาติ และระบุว่า อิหร่านไม่อนุญาตให้นักการทูตจากสถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ที่ดำเนินการแทนวอชิงตัน เนื่องจากสหรัฐฯ และอิหร่านไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ได้พบปะเฮกมาติไม่ว่าก่อนหรือระหว่างการไต่สวน
การตัดสินประหารชีวิตเฮกมาติส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างสองชาติคู่อริยิ่งเข้มข้นขึ้น
อิหร่านประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า สามารถยึดเครื่องบินไร้คนขับของสหรัฐฯ ได้
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8) เตหะรานยังระบุว่า จับ “สายลับ” ไม่ระบุจำนวนที่พยายามปฏิบัติการตามแผนของสหรัฐฯ ในการขัดขวางการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาของอิหร่านที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม
ส่วนทางฝ่ายวอชิงตันเปิดเผยเมื่อเดือนตุลาคมว่า สามารถขัดขวางแผนลอบสังหารเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียของเตหะรานได้
นอกจากนั้น ภายหลังจากใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรที่แทบไม่บังเกิดผลกระทบอันแท้จริงอะไรต่อเศรษฐกิจอิหร่าน เมื่อช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่ที่มุ่งเล่นงานธนาคารกลางของอิหร่าน ซึ่งมีบทบาทหลักในเรื่องธุรกรรมทางการเงินจากการขายน้ำมันของเตหะราน เห็นกันว่าถ้ามีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่เมื่อใด จะทำให้แทบทุกประเทศต้องละเว้นการซื้อน้ำมันอิหร่าน หากไม่ต้องการเผชิญหน้ากับวอชิงตัน
สหภาพยุโรปซึ่งเวลานี้ยังคงซื้อน้ำมันประมาณหนึ่งในห้าของอิหร่านอยู่ เตรียมที่จะประกาศการห้ามนำเข้าน้ำมันอิหร่านภายในสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะต้องเลิกซื้อ หรือไม่ก็ต้องยื่นขอยกเว้นจากการลงโทษคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เวลานี้พวกผู้ซื้อกำลังเรียกร้องขอส่วนลดจำนวนมากในการทำธุรกิจกับเตหะราน อันน่าจะส่งผลให้รายรับเข้าประเทศของอิหร่านลดต่ำลงอย่างฮวบฮาบ
สหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกกล่าวหาว่า อิหร่านพยายามพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตอาวุธ ขณะที่อิหร่านยืนกรานว่า โครงการนิวเคลียร์ของตนมีวัตถุประสงค์ด้านสันติก็ตาม
เตหะรานได้ตอบโต้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรใหม่ๆ ของฝ่ายตะวันตก โดยขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นทางผ่านของน้ำมัน 20% ของโลก หากถูกโจมตีหรือถูกแซงก์ชัน
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ลีออน แพเน็ตตา รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เตือนว่า การกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการล้ำเส้น และเพนตากอนจะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อเปิดใช้ช่องแคบดังกล่าวอีกครั้ง
แพเน็ตตายังกล่าวว่า แม้สหรัฐฯ ไม่เชื่อว่า อิหร่านกำลังพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ ทว่าพยายามพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น
“แต่นั่นเป็นสิ่งที่เรากังวล และเส้นตายของเราคือ อิหร่านต้องไม่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์”