เอเอฟพี - ทายาทคนสุดท้องของผู้นำ คิม จอง อิล ซึ่งถูกวางตัวให้สืบทอดอำนาจตระกูล คิม รุ่นต่อไป นับว่ามีประวัติส่วนตัวอันลึกลับยิ่งกว่าผู้เป็นพ่อ ซึ่งเสียชีวิตลงในวัย 69 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (17)
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) ประกาศการถึงแก่อสัญกรรมอย่างปัจจุบันทันด่วนของ “ท่านผู้นำ” เมื่อเช้าวันนี้ (19) พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนทุกกลุ่มมอบความจงรักภักดีและยอมรับความเป็นผู้นำของ คิม จอง อุน บุตรชายคนเล็กของผู้นำ คิม ซึ่งอยู่ในวัยเพียง 20 เศษๆ
แม้ประวัติส่วนตัวของ คิม จอง อุน จะยังคงเป็นปริศนา แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลโสมแดงได้ผลักดันให้ชายหนุ่มผู้นี้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำระดับสูงอย่างรวดเร็ว ตามแผนถ่ายโอนอำนาจของผู้นำคิม ซึ่งตระหนักดีถึงปัญหาสุขภาพของตนเอง หลังจากป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2008
จอง อุน ได้รับแต่งตั้งเป็นนายพล 4 ดาว และคุมตำแหน่งระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อเดือนกันยายน ปี 2010 ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทหารมาก่อน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ภาพถ่ายของ จอง อุน ในวัยผู้ใหญ่ถูกเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเกาหลีเหนือ
หลังจากนั้น คิม จอง อุน ได้ติดตามบิดาไปปฏิบัติภารกิจยังสถานที่ต่างๆ อยู่ไม่ขาด และเชื่อกันว่า เขามีบทบาทสำคัญไม่น้อยต่อกิจการในประเทศ ขณะที่หน่วยโฆษณาชวนเชื่อก็พยายามสร้างภาพลักษณ์ของ จอง อุน ให้ดูองอาจแข็งกร้าวคล้ายกับ คิม จอง อิล ผู้เป็นบิดา และอดีตประธานาธิบดี คิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งและ “ผู้นำตลอดกาล” ของเกาหลีเหนือ
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สื่อเกาหลีเหนือเริ่มใช้คำแทนชื่อ จอง อุน ว่า “ท่านนายพล” หลังจากที่ก่อนหน้านี้เรียกตามตำแหน่งอย่างเป็นทางการคือ รองประธานคณะกรรมาธิการกลางกลาโหมแห่งพรรคแรงงานเกาหลี
“ท่าทีล่าสุดบ่งบอกว่า คิม จอง อุน ถูกยกให้เป็นผู้นำที่มีอำนาจเทียบเท่ากับบิดาของเขา” ชอง ซอง-ชาง ผู้สันทัดกรณีและนักวิเคราะห์จากสถาบันเซจองในเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อเดือนตุลาคม
“คำนำหน้านี้ใช้เรียกขานเป็นการภายในมาก่อน แต่วันนี้ดูเหมือนว่า เกาหลีเหนือจะพยายามทำให้สังคมยอมรับว่า จอง อุน เป็นผู้นำกองทัพอย่างแท้จริง” ชอง ระบุ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายกิจการข้ามแดนของเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า กระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากมือ คิม จอง อิล สู่บุตรชายจะมีอุปสรรคไม่น้อย เพราะคาดว่า คิม คยอง-ฮุย น้องสาวคนเดียวของผู้นำคิม และ จาง ซอง-แต๊ก สามีของเธอซึ่งเป็นผู้นำเบอร์ 2 อย่างไม่เป็นทางการ น่าจะรับหน้าที่ดูแล จอง อุน ต่อไป และอาจใช้อำนาจชี้นำอยู่เบื้องหลัง
เค็นจิ ฟูจิโมโต อดีตเชฟซูชิประจำตัวผู้นำคิม กล่าวถึง จอง อุน ไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า “เป็นบุตรชายที่ถอดพิมพ์ของพ่อมาไม่มีผิด เหมือนพ่อทั้งใบหน้า, รูปร่าง และบุคลิกภาพ”
แม้ข้อมูลเกี่ยวกับ จอง อุน จะไม่เป็นที่ทราบกันมากนัก แต่สื่อเกาหลีใต้ก็ติดตามความเคลื่อนไหวของเขามาตั้งแต่ต้นปี 2009 ในฐานะทายาทการเมืองของผู้นำเกาหลีเหนือ
“จอง อุน อาจกลายเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและอำมหิตได้ไม่ยาก เขามีบุคลิกของการเป็นผู้ปกครอง” ชอง ให้สัมภาษณ์
“เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2010 เป็นต้นมา คิม จอง อุน จึงเริ่มสะสมอิทธิพลของตนเองในด้านกิจการภายในประเทศ ในระดับเดียวกับที่พ่อของเขาทำ เว้นแต่เรื่องระหว่างประเทศเท่านั้น”
วอน เซย์-ฮูน หัวหน้าสำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า สุขภาพที่ย่ำแย่ของผู้นำคิมเป็นตัวเร่งเร้าให้เขาต้องเตรียมส่งมอบอำนาจแก่บุตรชายโดยเร็ว โดยให้ จอง อุน เข้ามามีบทบาทเชิงนโยบาย และติดตามเขาไปปฏิบัติภารกิจในที่ต่างๆ มากขึ้น
แม้นักวิเคราะห์บางรายจะเคยคาดเดาว่า คิม จอง ชุล บุตรชายคนรอง น่าจะถูกเลือกให้มาครองอำนาจต่อจากผู้นำคิมมากกว่า แต่ ฟูจิโมโต เขียนไว้ในบันทึกของเขาว่า ผู้นำคิมรู้ดีว่า จอง ชุล นั้นจิตใจอ่อนโยนเกินไป และไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ
ด้าน คิม จอง-นัม บุตรชายคนโต ก็หมดโอกาสสืบทอดอำนาจต่อจากพ่อ หลังปลอมแปลงหนังสือเดินทางเพื่อไปเที่ยว โตเกียว ดิสนีย์แลนด์ เมื่อปี 2001จนถูกทางการญี่ปุ่นไล่ออกนอกประเทศ
จอง อุน เป็นบุตรที่เกิดจากนาง โก ยอง-ฮี ภรรยาคนที่ 3 ของผู้นำคิม เธอเป็นนักเต้นรำเชื้อสายเกาหลีที่เกิดในญี่ปุ่น และเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งเต้านม เมื่อปี 2004
จอง อุน เคยใช้นามแฝงเข้าศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ โดยขณะเรียนอยู่ที่นั่น เขาชอบกีฬาบาสเกตบอล และรักการวาดรูปการ์ตูนเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่โรงเรียนและเพื่อนๆบางคนบอกว่า ยังจำเด็กหนุ่มขี้อายที่ชอบเล่นสกี และเป็นแฟนตัวยงของดาราชายกล้ามโต ฌอง โคลด แวน แดมม์ คนนี้ได้
เมื่อกลับถึงกรุงเปียงยาง จอง อุน เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยทหาร คิม อิล-ซุง และจบการศึกษาในปี 2007