เอเอฟพี - มานูเอล โนเรียกา อดีตผู้นำจอมเผด็จการของปานามา เดินทางกลับบ้านเกิดในวันอาทิตย์ (11) ภายใต้การคุ้มกันอย่างหนาแน่น หลังรับโทษจำคุกในสหรัฐฯ และฝรั่งเศสมานานกว่า 20 ปี ด้วยความผิดฐานค้ายาเสพติด และฟอกเงิน
โนเรียกา ผู้นำเผด็จการทหารของปานามา ในช่วงปี 1983-1989 ยังต้องรับโทษความผิดที่ก่อภายในประเทศอีก 3 กระทง กระทงละ 20 ปี ฐานลักพาตัว และฆาตกรรมนักวิจารณ์ฝ่ายค้าน 3 คน
อดีตจอมเผด็จการ วัย 77 ปีรายนี้เดินทางถึงปานามาด้วยเที่ยวบินไอบีเรียจากกรุงปารีส พร้อมคณะเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างประเทศ ตำรวจ แพทย์ และอัยการ 6 คนคอยคุ้มกัน
จากนั้นเขาจึงถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อเดินทางตรงไปยังเรือนจำเอล เรนาเซร์ ที่หมายถึง “เกิดใหม่” โดยเข้าห้องขังด้วยรถเข็น
“เขาจะเข้าห้องขังเหมือนกันนักโทษคนอื่นๆ ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ” ประธานาธิบดีริคาร์โด มาร์ติเนลลีของปานามากล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยเสริมว่า “เขาจะต้องชดใช้อาชญากรรมทั้งหมด ความเสียหายทั้งหมด ความหวาดกลัวทั้งหมด ที่เขาก่อไว้”
ด้านนักข่าวที่เดินทางบนเที่ยวบินเดียวกันได้บอกกับนักข่าวท้องถิ่นว่า แพทย์ต้องตรวจสุขภาพของโนเรียกา ที่ไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อเดินทางถึงปานามาแล้ว
โนเรียกาจะต้องใช้เวลาอยู่ในห้องขังขนาด 12 ตารางเมตร มีเตียง ห้องน้ำ หน้าต่าง 2 บาน และประตูเหล็ก ทว่า ยังไม่มีกำหนดเวลาแน่ชัด เนื่องจากปานามาอนุญาตให้นักโทษ ที่อายุ 70 ปีขึ้นไปกลับไปรับโทษต่อที่บ้านได้
ทั้งนี้ อำนาจการปกครองของโนเรียกาสิ้นสุดลงเมื่อประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช สั่งทหารสหรัฐฯ บุกปานามาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปี 1989 โดยอ้างถึงความจำเป็นในการคุ้มครองพลเรือนอเมริกัน ปกป้องคลองที่สหรัฐฯ สร้าง ต่อสู้กับการค้ายาเสพติด และพิทักษ์ประชาธิปไตย
ทหารสหรัฐฯ สามารถเอาชนะกองกำลังป้องกันประเทศของปานามาได้ ส่วนโนเรียกาก็ลี้ภัยเข้าไปอยู่ในสถานทูตวาติกัน กองกำลังสหรัฐฯ จึงปิดล้อมอาคารดังกล่าว และกระหน่ำเปิดเพลงร็อกรบกวนอยู่นานหลายวัน
ในที่สุด จอมเผด็จการแห่งปานามายอมก็มอบตัวในวันที่ 3 มกราคม ปี 1990 และถูกส่งไปยังสหรัฐฯ เพื่อดำเนินคดีข้อหาค้ายาเสพติดในทันที โดยต้องติดคุกของสหรัฐฯ นานกว่า 20 ปี ก่อนถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางการฝรั่งเศส เพื่อรับโทษฐานฟอกเงิน ในปี 2010