ฟิลสตาร์ - ธนาคารโลกประเมินมหาอุทกภัยในไทยสร้างความเสียหายถึง 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.41 ล้านล้านบาท) และส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตเพียง 2.4 เปอร์เซ็นต์
แอนเน็ตต์ ดิกซอน ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย เผยตัวเลขประเมินดังกล่าวหลังเข้าหารือกับ วีรพงษ์ รางมางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) เมื่อวันศุกร์ (25)
มูลค่าความเสียหายทั้งหมดแบ่งออกเป็นความเสียหายด้านทรัพย์สินประมาณ 21,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.6 แสนล้านบาท) และอีก 22,000 ล้านดอลลาร์ (6.9 แสนล้านบาท) เป็นค่าเสียโอกาส
ดิกซอนประเมินว่า ปีนี้เศรษฐกิจของไทยจะเติบโตเพียง 2.4 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ถึง 3.6 เปอร์เซ็นต์ ทว่าความเสียหายจากอุทกภัยก็จะกระตุ้นให้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นด้วย
ธนาคารโลกสำรวจและประเมินมูลค่าความเสียหายจากอุทกภัยในไทย โดยครอบคลุมทั้งหมด 4 ภาคส่วน ได้แก่ ระบบสาธารณูปโภคสาธารณะ เช่น การขนส่งและโทรคมนาคม, ภาคการผลิต เช่น เกษตรกรรม, การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม, การพัฒนาเชิงสังคม เช่น การศึกษาและระบบสาธารณสุข และสุดท้ายคือ สภาพแวดล้อม
ผลการประเมินพบว่า รัฐบาลไทยได้มอบความช่วยเหลือรวมถึงมาตรการบรรเทาทุกข์หลายๆ ด้าน แต่ควรพยายามมากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อให้ความช่วยเหลือเหล่านี้เข้าถึงกลุ่มคนยากจน
ธนาคารโลกยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยมอบความช่วยเหลือแก่ชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเขากลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเหลือเพียง 3.7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 4 จากเดิมที่ตั้งไว้สูงถึง 5 เปอร์เซ็นต์ก่อนเกิดอุทกภัย และคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจตลอดทั้งปีจะเหลือเพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดไว้ 3.5-4 เปอร์เซ็นต์