เอเอฟพี - ประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ แห่งเยเมน จะเดินทางเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บที่นิวยอร์ก หลังลงนามในข้อตกลงสละอำนาจแก่รองประธานาธิบดี ซึ่งส่งผลให้การปกครองตลอด 33 ปีของเขามาถึงจุดสิ้นสุด เลขาธิการสหประชาชาติ บันคีมูน เผยวานนี้ (23)
บัน ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ในเวลาเดียวกับที่ซาเลห์ลงนามในข้อตกลงสละอำนาจ ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ว่า “เขาบอกกับผมอย่างชัดเจนว่าจะสละอำนาจทุกอย่าง”
“เขาบอกว่า หลังลงนามในข้อตกลงดังกล่าวแล้วจะเดินทางมาที่นิวยอร์กเพื่อเข้ารับการรักษา” บัน เผยรายละเอียดในบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเขาและ ซาเลห์ เมื่อวันอังคาร (22)
หลังได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงซานา เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ซาเลห์ ก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงริยาดมาโดยตลอด และไม่มีใครทราบว่าเหตุใดเขาจึงต้องการไปพบแพทย์ในนครนิวยอร์ก
“หากเขามานิวยอร์ก ผมก็ยินดีที่จะพบกับเขา” บันเสริม พร้อมกล่าวว่ารู้สึกมีกำลังใจที่เห็นสถานการณ์ในเยเมนมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะมีการประชุมในวันจันทร์หน้า (28) โดย ญามาล เบโนมาร์ ผู้แทนเยเมนประจำยูเอ็น จะสรุปสถานการณ์ล่าสุดให้สมาชิกทั้ง 15 ชาติได้รับทราบ ซึ่งในขณะนี้ก็ยังมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้นำตัว ซาเลห์ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
บัน เล่าว่า ตนได้ต่อสายตรงถึง ซาเลห์ และ “เรียกร้องอย่างจริงจัง” ให้ประธานาธิบดีเยเมนยอมลงนามในข้อตกลงสละอำนาจที่สภาความร่วมมือแห่งรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) เสนอ ทว่าไม่ได้พูดคุยถึงเงื่อนไขที่ว่า ซาเลห์ และครอบครัวจะได้รับความคุ้มครองจากการถูกดำเนินคดี
ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงนี้ ซาเลห์จะยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีกิตติมศักดิ์ต่อไปอีก 90 วัน หลังโอนอำนาจให้แก่รองประธานาธิบดี อับดราบูห์ มันซูร์ ฮาดี เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวและจัดการเลือกตั้งใหม่
มาร์ติน เนเซอร์กี โฆษกประจำตัวบัน ออกแถลงการณ์ชื่นชมการลงนามของ ซาเลห์ และบทบาทของ จีซีซี โดยชี้ว่า ท่าทีของซาเลห์ “จะช่วยให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจในเยเมนเริ่มต้นขึ้นได้”
นอกจากจะย้ำถึงความยากลำบากและความทุกข์ทรมานที่ชาวเยเมนต้องแบกรับแล้ว บัน ยังขอร้องให้ทุกฝ่าย “เชิดชูและยึดมั่นเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ในข้อตกลง” และให้ยุติความรุนแรงและการยั่วยุโดยทันที เพื่อก้าวไปสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจ “ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในสร้างสันติภาพและเสถียรภาพ และจะสนับสนุนการฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ”