เอเอฟพี - โตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเผย ผลกำไรสุทธิตกลง 71.8% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากผลกระทบของมหาภัยพิบัติเมื่อเดือนมีนาคม และค่าเงินบาทแข็งตัว พร้อมกันนี้ได้ระงับการเผยแพร่แนวโน้มรายได้ตลอดทั้งปี ด้วยเหตุผลการขาดแคลนห่วงโซ่อุปทานอันเป็นผลกระทบจากอุทกภัยในไทย
ผลกำไรสุทธิของบริษัทในครึ่งแรกของปีงบประมาณ ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน ตกลงเหลือ 8.15 หมื่นล้านเยน หรือ 71.8% จาก 2.89 แสนล้านเยนในปีที่แล้ว โดยขาดทุนจากการดำเนินงานในระยะเวลา 6 เดือน 3.26 หมื่นล้านเยน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไร 3.23 แสนล้านเยน
ทั้งนี้ เงินเยนแข็งค่ามากสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และแข็งค่าที่สุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับเงินยูโร ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา กัดกร่อนผลกำไรของผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ เช่น โตโยต้า โดยทำให้สินค้าของพวกเขาเสียเปรียบสินค้าของบริษัทอื่นในตลาด
โตโยต้าได้พยายามฟื้นกำลังการผลิต หลังได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว และสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งต้องมีการประกาศระงับการผลิตรถยนต์ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ชะลอการผลิตชั่วคราว หรือแม้กระทั่งปิดโรงงานไปหลายแห่ง เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบรถยนต์
“ในญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือ ยอดขายรถยนต์ตกลงอย่างรุนแรง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีงบประมาณก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลกระทบใหญ่หลวงจากมหาาภัยแผ่นดินไหวทางตะวันออกของญี่ปุ่น” ซาโตชิ โอซาวะ รองประธานบริหารโตโยต้าแถลง
สำหรับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของไทยยิ่งทำให้ความพยายามฟื้นตัวหลังแผ่นดินไหวเลวร้ายลงไปอีก ทำให้โตโยต้าต้องระงับรายงานคาดการณ์รายได้ประจำปีไว้ก่อน เพื่อประเมินผลกระทบจากภัยพิบัติในไทยต่อการดำเนินการของบริษัทต่อไป
ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่เผยว่า อุทกภัยในประเทศไทยยังจะส่งผลต่อการผลิตที่โรงงานในสหรัฐฯ แคนาดา แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ปากีสถาน และมาเลเซียต่อไปด้วย
