เดลิเมล์ - นักมานุษยวิทยาอิตาลีขุดพบโครงกระดูกคู่รักชายหญิงยุคโรมัน ซึ่งถูกฝังเคียงข้าง กุมมือ และมองหน้าซึ่งกันและกัน เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของความรักชั่วนิรันดร์ ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี
ศพของคู่รักคู่นี้ถูกฝัง ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน โดยกลุ่มนักมานุษยวิทยาค้นพบโครงกระดูกของทั้งสอง ระหว่างการสำรวจปราสาทยุคโรมันโบราณในเมืองโมเดนา
วาเนีย มิลานี นักมานุษยวิทยาในทีมสำรวจ กล่าวว่า “ช่างเป็นภาพที่งดงามและตราตรึงใจ ... ศีรษะของฝ่ายหญิงหันไปทางฝ่ายชาย ทั้งสองกุมมือกันและกัน”
“ดิฉันสันนิษฐานว่า ตอนฝังศพ ศีรษะของฝ่ายชายก็หันมาทางฝ่ายหญิงเช่นกัน แต่ศีรษะอาจหมุนไปทางอื่นจากการเน่าเปื่อย” มิลานีกล่าว “ขณะถูกฝัง ศพชายหญิงคู่นี้มองตากันและกัน เป็นสัญลักษณ์ของความรักชั่วนิรันดร์”
นักมานุษยวิทยาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคู่รักรายนี้มากนัก แต่สามารถสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า ทั้งสองเป็นคู่รักที่ผ่านมาแต่งงานแล้ว โดยมีแหวนทองแดงที่พบอยู่ข้างโครงกระดูกฝ่ายหญิงเป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ทั้งสองน่าจะเป็นพลเรือนชนชั้นสูงของเมืองมูตินาในยุคโรมัน (เมืองโมเดนาในปัจจุบัน) ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มีฐานะร่ำรวยและเป็นศูนย์การผลิตโคมไฟของอาณาจักรโรมัน
ด้วยโรคระบาดรุนแรงที่เกาะกินยุโรปช่วงเวลานั้น ทีมนักมานุษยวิทยาอิตาลีจึงสันนิษฐานว่า ชายหญิงคู่นี้อาจเสียชีวิตจากโรคระบาดในช่วงดังกล่าว
ทั้งนี้ ศพของทั้งสองจะจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ใกล้กับเมืองโมเดนา ในปีหน้า ขณะที่มีการขุดพบสุสานทั้งหมด 11 แห่ง โดยศพถูกฝังไว้ที่ความลึกประมาณ 3 เมตร อีกจุดหนึ่ง นักมานุษยวิทยาขุดพบโครงกระดูก 3 ร่าง ที่ถูกตัดอวัยวะร่างกายอย่างโหดร้าย เช่น โครงกระดูกของชายวัยรุ่นคนหนึ่งถูกบั่นคอ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ทั้งสามรายนี้เป็นทาสที่ถูกนายทาสประหารชีวิต