เอเอฟพี - หากถามเขาว่าซุปเปอร์แมนอยู่ที่ไหน? คงจะได้คำตอบว่า “อยู่ในฟิลิปปินส์” เพราะหนุ่มดีไซเนอร์จากแดนตากาล็อกคนนี้ทุ่มทุนทำศัลยกรรมพลาสติกจนใบหน้าดูละม้ายคล้าย “ซุปเปอร์แมน” ไปได้อย่างเหลือเชื่อ
ในวันทำงาน เฮอร์เบิร์ต ชาเบซ วัย 35 ปี จะตื่นนอนสาย และนั่งออกแบบเสื้อผ้าจนดึกดื่น แต่ในยามว่าง เขาจะนำเสื้อคลุมและชุดรัดรูปที่ตัดเย็บเองออกมาสวม เพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกว่าตนเองคือ “ซุปเปอร์ฮีโร่”
“ผมชื่นชอบซุปเปอร์ฮีโร่ทุกคน... ผมมีความสุขที่ได้เป็นซุปเปอร์แมน และสุขยิ่งกว่าเมื่อได้ยินชาวฟิลิปปินส์บางคนพูดว่า ซุปเปอร์แมนอยู่ในฟิลิปปินส์ และพวกเขาก็สามารถพบและพูดคุยกับซุปเปอร์แมนตัวเป็นๆได้” ชาเบซ ให้สัมภาษณ์ที่บ้านของเขา
ชาเบซ เป็นแฟนพันธุ์แท้ของฮีโร่จากดาวคริปตันมาตั้งแต่เด็ก และสะสมสิ่งของที่เกี่ยวกับซุปเปอร์แมนไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา, หุ่นจำลอง, โปสเตอร์, หนังสือการ์ตูน, เหยือก, ผ้าม่าน, พรม, ผ้าปูที่นอน, หมอน หรือแม้กระทั่ง ถังขยะ
ในปี 1998 ชาเบซ ซึ่งเป็นเพียงหนุ่มผิวแทนสิวเขรอะวัย 18 ปี ก็ไปพบศัลยแพทย์เพื่อผ่าตัดใบหน้าให้คล้ายคลึงกับ คริสโตเฟอร์ รีฟ ดาราผู้โด่งดังที่สุดในบทซุปเปอร์แมน
“ในต่างประเทศ คุณจะต้องมีใบรับรองสุขภาพ และต้องตรวจสุขภาพจิตก่อนที่จะทำศัลยกรรมพลาสติก แต่ที่ฟิลิปปินส์กฎเกณฑ์พวกนี้ไม่เคร่งครัดมากนัก อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละคน และโชคดีมากที่แพทย์ฟิลิปปินส์มีความเชี่ยวชาญทางนี้” เขากล่าว
ชาเบซ ทำจมูกให้เล็กเรียว, ทำคางให้มีรอยบุ๋ม, ฉีดซิลิโคนให้ริมฝีปากอวบอิ่ม, ดูดไขมันให้หน้าท้องแบนราบ และปลูกถ่ายกล้ามเนื้อให้ก้นและสะโพกดูหนาขึ้น
แม้ค่ารักษาพยาบาลในฟิลิปปินส์จะถูกกว่าโลกตะวันตก แต่การผ่าตัดศัลยกรรมก็ยังมีค่าใช้จ่ายครั้งละหลายพันดอลลาร์ ซึ่ง ชาเบซ ไม่ยอมเปิดเผยว่าหมดเงินไปแล้วเท่าใด
นอกจากเสื้อผ้า ก็คงมีเพียงแว่นตาของ ชาเบซ ที่ไปเหมือนกับเจ้าหนุ่ม “คลาร์ก เคนท์” โดยธรรมชาติ เพราะเขาเองก็สายตาสั้นเหมือนกัน
ชาเบซ ยังฉีดสารเคมีที่ช่วยผิวสีแทนดูขาวขึ้น และความมุ่งหมายต่อไปของเขาก็คือ ปลูกถ่าย “ซิกซ์แพ็ก” ที่หน้าท้อง
อย่างไรก็ตาม หนุ่มผู้มีความสูง 170 เซนติเมตรคนนี้ยังไม่คิดจะใส่เหล็กเพื่อเพิ่มความสูงให้เท่ากับซุปเปอร์แมนชาวอเมริกัน
“แทนที่จะได้เป็นซุปเปอร์แมน คุณอาจต้องนั่งรถเข็นแทนก็ได้” เขากล่าว
ชาเบซ ซึ่งยังโสดสนิท ยอมรับว่า บางคนอาจหัวเราะเยาะในความคลั่งไคล้ของเขา แต่ทุกคนก็ควรยอมรับการตัดสินใจของเขาด้วย
“สิ่งที่คุณทำกับร่างกายของคุณก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ที่สำคัญคืออย่าไปเหยียบเท้าใครเข้า และเชื่อมั่นในพระเจ้าก็พอ” เขากล่าวทิ้งท้าย
