เอเอฟพี - นักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติ 40 เปอร์เซ็นต์ เดินทางเข้าฟิลิปปินส์ เพื่อซื้อบริการ “ทัวร์เซ็กซ์” ทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมะนิลา แสดงความเห็นที่น่าตกใจ วันนี้ (22) ส่งผลให้ผู้รับผิดชอบการท่องเที่ยวของรัฐบาลตากาล็อกออกมาตอบโต้เป็นพัลวัน
แฮร์รี โธมัส ทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมะนิลา กล่าวระหว่างงานประชุมผู้พิพากษาฟิลิปปินส์ ว่า เจ้าพนักงานที่คอร์รัปชันมีส่วนพัวพันกับธุรกิจค้าบริการทางเพศ ซึ่งเปิดบริการอย่างโจ่งแจ้ง ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และท้าทายต่อหลักวิชาชีพของนักกฎหมาย
“เรารู้ว่า ผู้ชายต่างชาติ 40 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ มาฟิลิปปินส์เพื่อทัวร์เซ็กซ์ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมภูมิใจเลย พวกคุณก็ไม่ควรภูมิใจเช่นกัน” ทูตแฮร์รี โธมัส กล่าวต่อหน้าบรรดานักกฎหมายตากาล็อก
นอกจากนี้ ทูตสหรัฐฯ ยังพาดพิงถึงบรรดาธุรกิจร้านคาราโอเกะ และไนต์คลับต่างๆ บนถนนโรซาส บูเลอวาร์ด ถนนสายหลักที่สถานทูตสหรัฐฯ ตั้งอยู่ โดยกล่าวหาร้านรวงเหล่านี้ว่า เป็นสถานบริการทางเพศที่อื้อฉาวของฟิลิปปินส์
“ปัญหาคอร์รัปชันทำให้สถานบริการทางเพศชนิดโจ่งครึ่มพวกนี้ยังเปิดอยู่ได้ เป็นเพราะเจ้าพนักงานท้องที่โกงกิน เจ้าหน้าที่เหล่านี้ต้องรับโทษเป็นสองเท่า”
อย่างไรก็ตาม แฮร์รี โธมัส ก็ชื่นชมฟิลิปปินส์ที่กระตืนรือร้นในการปราบปรามการค้ามนุษย์ในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ระบุว่า เหลืองานที่ต้องสะสางอีกมาก และให้คำมั่นถึงความร่วมมือจากทางการสหรัฐฯ
“ชาวสหรัฐฯ ที่ถูกจับในคดีอาชญากรรมประเภทนี้ หรือจากไซเบอร์เซ็กซ์ สมควรถูกลงโทษสถานหนักตามตัวบทกฎหมาย เราจะให้ความร่วมมือเต็มที่” ทูตโธมัสกล่าว
ทั้งนี้ แม้การค้าประเวณีเป็นเรื่องผิดกฎหมายในฟิลิปปินส์ แต่ธุรกิจค้ากามกลับเติบโตในพื้นที่ใจกลางเมือง ซึ่งรวมถึงกรุงมะนิลา
หลังจากการแสดงความเห็นของแฮร์รี โธมัส รัฐบาลฟิลิปปินส์รีบออกมาแก้ต่างทันที
“แน่นอน เราขอโต้แย้ง เราไม่มั่นใจว่า เขาได้สถิติพวกนั้นมาจากไหน” โดมิงโก เอนาริโอ ผู้ช่วยรัฐมนตรีการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ เปิดเผยกับเอเอฟพี
ส่วน เบนิโต เบงซอน โฆษกกรมส่งเสริมการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า ทัวร์เซ็กซ์ไม่ได้อยู่ในแผนรณรงค์การท่องเที่ยวของรัฐบาล
การแสดงความเห็นของทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมะนิลา มีขึ้นท่ามกลางความพยายามฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของรัฐบาลฟิลิปปินส์ หลังจากกรุงมะนิลามียอดนักท่องเที่ยวเป็นรองประเทศอื่นๆ ในเอเชียมานานหลายปี โดยเมื่อปี 2010 ฟิลิปปินส์มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศประมาณ 3.52 ล้านคน ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้ได้ถึง 6 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2016