เอเอฟพี - ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ยกสถานะของปาเลสไตน์จากองค์กรสังเกตการณ์ขึ้นเป็นรัฐสังเกตการณ์ซึ่งไม่ใช่สมาชิก (non-member state) แต่ไม่เห็นชอบที่จะให้สมาชิกภาพโดยสมบูรณ์ วานนี้ (21)
ในการแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ซาร์โกซี ยังขอเวลา 1 ปีเพื่อให้อิสราเอลและปาเลสไตน์ “บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย”
ซาร์โกซี พยายามแนะหนทางประนีประนอมระหว่างแผนของปาเลสไตน์ที่จะยื่นคำร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อเข้าเป็นรัฐสมาชิกยูเอ็น กับคำขู่ของสหรัฐฯว่าจะวีโตแผนดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าซึ่งเขาบอกว่าจะก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวง
“เราต่างทราบดีว่าปาเลสไตน์ยังไม่อาจเข้าเป็นรัฐสมาชิกยูเอ็นโดยสมบูรณ์ได้ทันที เหตุผลข้อแรกก็คือ ยังขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างคู่กรณี” ซาร์โกซีระบุ
“แล้วคิดหรือว่าการใช้สิทธิวีโตคำขอของปาเลสไตน์ในคณะมนตรีความมั่นคงฯ จะไม่กระตุ้นวงจรความรุนแรงขึ้นอีกในตะวันออกกลาง?”
“ถ้าเช่นนั้นเรามาพูดถึงทางสายกลางดีกว่าไหม? ทำไมไม่พิจารณาให้ปาเลสไตน์มีสถานะเป็นรัฐสังเกตการณ์ซึ่งไม่ใช่สมาชิกดูเล่า? นี่จะถือว่าเป็นก้าวสำคัญทีเดียว”
“ที่สำคัญที่สุด มันจะช่วยให้ปาเลสไตน์พ้นจากสภาวะหยุดนิ่งที่ต้องพึ่งพาแต่กลุ่มหัวรุนแรง เราจะคืนความหวังให้พวกเขา โดยยกสถานะให้สูงขึ้นเพื่อนำไปสู่ความเป็นรัฐสมาชิก”
ระเบียบของยูเอ็นระบุไว้ว่า การขอเข้าเป็นรัฐสมาชิกต้องได้รับการรับรองจากคณะมนตรีความมั่นคงฯ และได้เสียงสนับสนุนจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
ภายหลัง ซาร์โกซี ได้พบกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ซึ่งยืนกรานว่า การเจรจาระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน และไม่ได้กล่าวถึงข้อเสนอของ ซาร์โกซี แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี เบน โรดส์ รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงภายในสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อแนะนำจากประธานาธิบดีฝรั่งเศสเป็นเรื่อง “สำคัญ” และ “สร้างสรรค์”
ซาร์โกซี ยังเรียกร้องให้นานาประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยกล่าวเป็นนัยว่า แผนการของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของอิสราเอลนั้นไม่มีความคืบหน้า