เอเอฟพี - ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กขยับลงแรงเมื่อวันพุธ (14) จากการขายทำกำไรหลังพุ่งขึ้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวกอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางสัญญาณความร่วมมืออย่างแข็งขันของเหล่าผู้นำชาติยุโรปต่อความพยายามจัดการกับปัญหาหนี้สิน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 88.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 51 เซ็นต์ ปิดที่ 112.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กเพิ่มขึ้นราว 3 ดอลลาร์ในช่วงสองวันก่อนหน้านี้ โดยปิดการซื้อขายเมื่อวันอังคาร (13) ขยับขึ้นเหนือ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ จากปัจจัยหนุนของสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงอย่างมาก
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงถึง 6.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ถึง 2 เท่า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนี้ไม่ส่งผลต่อตลาดในวันพุธ (14) เนื่องจากนักลงทุนคาดหมายว่าสาเหตุที่แท้จริงน่าจะมาจากผลผลิตที่เบาบางลงมากกว่า หลังฐานผลิตน้ำมันหลายแห่งต้องระงับปฏิบัติการเนื่องจากพายุโซนร้อนลีพัดผ่านอ่าวเม็กซิโก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (14) ปิดบวกแรงท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่าผู้นำชาติยุโรปจะร่วมมือกันจัดการกับวิกฤตหนี้สินของทวีป
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 141.56 จุด (1.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,247.41 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 93.22 จุด (1.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,572.17 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 15.84 จุด (1.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,188.71 จุด
นักวิเคราะห์มองว่าการหารือกันระหว่างผู้นำเยอรมนี ฝรั่งเศสและกรีซ เช่นเดียวกับคำพูดของนายโฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานกรรมาธิการยุโรป เกี่ยวกับความจำเป็นของพันธบัตรยูโรและเสนอให้กลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 17 ประเทศรับประกันหนี้ร่วมกัน ช่วยส่งเสริมตลาดให้ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง