เอเอฟพี - ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(7) พุ่งกว่าร้อยละ 2.5 หลังศาลเยอรมนีพิพากษาเปิดทางสำหรับแผนปล่อยกู้ยูโรโซน แม้เฟดระบุในรายงานเศรษฐกิจของประเทศยังเฉื่อยชา ขณะที่ปัจจัยความเคลื่อนไหวอันคึกคักของวอลล์สตรีทนี้ ก็เป็นแรงกระตุ้นที่ส่งให้ราคาน้ำมันโลกปิดบวกอย่างแรง
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 275.56 จุด (2.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,414.86 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 75.11 จุด (3.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,548.94 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 33.38 จุด (2.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,198.62 จุด
วอลล์สตรีทเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วยุโรป หลังได้แรงหนุนจากกรณีที่ศาลเยอรมนี พิพากษาเปิดทางแก่แผนปล่อยกู้ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับวิกฤตหนี้สินของยูโรโซน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกอย่างสวยงาม แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(7) สรุปใน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากทั้ง 12 เขตของเฟด ว่าเศรษฐกิจของประเทศเติบโตแบบเอื่อยเฉื่อย ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจอันกระท่อนกระท่อน
นอกจากนี้ในรายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่าจากความเคลื่อนไหวที่ผันผวนของตลาดทุนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
กระนั้นก็ดีปัจจัยเกี่ยวกับศาลเยอรมนีอนุมัติแผนปล่อยกู้เพื่อจัดการวิกฤตหนี้ยูโรโซน ก็ช่วยผลักให้ราคาน้ำมันพุ่งลิ่ววานนี้(7) ขณะที่ตลาดมีความกังวลต่อปัญหาทางอุปทาน จากภัยพายุโซนร้อนที่ยังคงคุกคามกระบวนการผลิตในอ่าวเม็กซิโก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 3.32 ดอลลาร์ ปิดที่ 89.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 115.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงมหาดไทยสหรัฐฯเปิดเผยว่าพายุโซนร้อนลี ส่งผลกระทบต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ฐานผลิตน้ำมันสำคัญของสหรัฐฯ จนต้องลดกำลังผลิตลงราวร้อยละ 37 ขณะเดียวกันนัดลงทุนก็กำลังจับตาสภาพอากาศแถบนี้อย่างไม่กระพริบตา เหตุมีความเป็นไปได้ที่พายุลูกอื่นๆอาจทวีกำลังเป็นเฮอร์ริเคน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อกระบวนการผลิตเชื้อเพลิง