ผู้นำยุโรปเตรียมเยือนลิเบียหลังกบฏจ่อมีชัย-กัดดาฟีเข้าตาจนวอนโลกช่วย

เอเอฟพี - นิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสและดาวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ วางแผนเยือนลิเบียในวันพฤหัสบดี (15) ซึ่งนับเป็นผู้นำต่างชาติกลุ่มแรกที่เดินทางไปยังลิเบียนับตั้งแต่ฝ่ายกบฏขับไล่โมอัมมาร์ กัดดาฟี ได้สำเร็จ ขณะที่ผู้นำรายนี้ออกอาการเข้าตาจนมากขึ้นทุกที ล่าสุดออกเทปเสียงอ้อนวอนประชาคมนานาชาติช่วยปกป้องซีราเต เมืองบ้านเกิดของเขาหลังถูกปิดล้อมและกดดันให้ยอมจำนนด้วยการตัดน้ำตัดไฟ



อังกฤษ และฝรั่งเศส คือหัวหอกของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของนาโตต่อกองกำลังของกัดดาฟี ที่ช่วยให้ฝ่ายกบฏค่อยๆ รุกคืบเข้ายึดกรุงตริโปลีและเปิดทางให้สภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ (เอ็นทีซี) ตั้งรัฐบาลใหม่ในเมืองหลวงแห่งนี้

แหล่งข่าวหลายๆ ที่มาระบุในกรุงปารีสว่า ผู้นำทั้งสองชาติจะเดินทางไปพร้อมกับนายแบร์นาร์ด อองรี เลวี ปัญญาชนระดับแถวหน้าผู้สนับสนุนปฏิวัติลิเบียซึ่งโน้วน้าวให้ซาร์โกซีหนุนหลังฝ่ายกบฏ

คาดหมายว่าทั้ง 3 คนจะพบปะกับผู้นำของเอ็นทีซีในกรุงตริโปลี ขณะที่สื่อมวลชนรายงานเพิ่มเติมว่าบางทีพวกเขาอาจเดินทางไปยังเบนกาซี เมืองทางตะวันออกของประเทศ จุดเริ่มต้นของเหตุปฏิบัติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์

ส่วนแหล่งข่าวสายตำรวจเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ 160 นายได้รับแจ้งให้อยู่ในความพร้อมสำหรับออกเดินทางไปลิเบียในคืนวันพุธ (14) เพื่อรักษาความปลอดภัยตามสถานที่ต่างๆในกรุงตริโปลี ก่อนหน้าที่ซาร์โกซีจะเดินทางไปถึง

โปรแกรมเดินทางเยือนของสองผู้นำชาติยุโรปครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝ่ายกบฏขับทหารฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟีออกจากเมืองหลวงได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งอดีตผู้นำลิเบียก็ยังไม่ยอมจำนนง่ายๆ โดยออกวิดีโอเรียกร้องประชาคมนานาชาติช่วยเหลือเมืองซีราเต ที่ถูกปิดล้อมโดยฝ่าบกบฏ

“ถ้าเมืองซีราเตถูกโดดเดี่ยว โลกควรประณามการกระทำที่ชั่วร้ายนี้” คำพูดผู้นำลิเบียที่ถูกขับไล่ซึ่งออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์อาร์ไร โอรูบาของซีเรีย “มันเป็นหน้าที่ของโลกที่ไม่ควรปล่อยให้ซีราเตอยู่เพียงลำพัง และทุกคนควรถือตามหน้าที่ความรับผิดชอบระดับนานาชาติและออกมาหยุดยั้งการก่ออาชญากรรมนี้โดยทันที” เขากล่าว

อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งทางเอ็นทีซีอ้างคำพูดของประชาชนที่หลบหนีออกมาจากเมืองซีราเต ระบุว่าทหารของฝ่ายหนุนกัดดาฟี ได้ตั้งแนวรถถังรอบๆ เมืองเพื่อขัดขวางไม่ให้ชาวบ้านหลบหนีและปัดป้องการจู่โจมใดๆ นอกจากนี้ยังพยายามโฆษณาชวนเชื่อโน้มน้าวผู้คนให้เชื่อว่าทหารของรัฐบาลใหม่ล้วนแต่เป็นมุสลิมและเป็นพวกก่อการร้าย