เอเจนซี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ยื่นเสนอร่างกฎหมายขยายการจ้างงานมูลค่ารวมมหาศาลกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ ต่อคองเกรสเมื่อวันจันทร์ (12) โดยหวังว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอันฟื้นตัวกระท่อนกระแท่น และลดอัตราการว่างงานที่ยังสูงลิ่วเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้มีแนวโน้มสูงที่จะแท้งตั้งแต่อยู่ในสภาล่างซึ่งมีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก สืบเนื่องจากมีข้อกำหนดให้จัดเก็บภาษีจากคนรวยและบริษัทภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รีพับลิกันรับไม่ได้และคัดค้านอย่างหัวเด็ดตีนขาดมาตลอด
โอบามา ซึ่งเคยผลักดันกฎหมายมาตรการอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 800,000 ล้านดอลลาร์ จนสำเร็จในปี 2009 มาแล้ว กำลังเดินก้าวถัดไปด้วยการนำเสนอแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศฉบับใหม่ โดยหวังเอาชนะใจผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ก่อนหน้าการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปีหน้า
“ร่างกฎหมายฉบับนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน และนี่เป็นร่างกฎหมายฉบับซึ่งรัฐสภาจำเป็นจะต้องผ่านโดยที่ไม่มีการดึงเกม ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ตลอดจนไม่มีการเตะถ่วงให้ล่าช้า” เขา กล่าวปราศัยที่ทำเนียบขาว ก่อนหน้าที่ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะส่งถึงรัฐสภาสหรัฐฯ
แผนการสร้างงานของโอบามาฉบับนี้ร่างขึ้นโดย แจ๊ก ลิว ผู้อำนวยการฝ่ายงบประมาณประจำทำเนียบขาว ซึ่งมีการกำหนดกรอบที่จะหาเงินมาใช้ในโครงการดังกล่าว ผ่านการจัดเก็บภาษีพวกคนรวยและภาคธุรกิจเป็นหลัก ทั้งนี้โดยการจำกัดการลดหรือยกเว้นภาษีแก่บุคคลที่มีรายได้มากกว่า 200,000 ดอลลาร์ต่อปี และครอบครัวที่มีรายได้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถหารายได้เข้าคลังได้มากถึง 400,000 ล้านดอลลาร์
ลิว ยังเสนอที่จะระดมเงิน 18,000 ล้านดอลลาร์ ผ่านการเก็บภาษีจากพวกผู้จัดการกองทุน โดยให้ถือว่าเงินที่พวกเขาได้มาจากการลงทุนในสินทรัพย์นั้น เป็นรายได้ธรรมดา ไม่ใช่เป็นกำไรส่วนต่าง (capital gains) ซึ่งจะเสียภาษีด้วยอัตราที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ เขายังเสนอเรียกเก็บภาษีจากกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะมีรายได้เข้าคลัง 40,000 ล้านดอลลาร์ ตลอดจนเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ค่าธรรมเนียมเสื่อมราคาของเครื่องบินนิติบุคคล เพื่อนำรายได้มาสมทบอีก 3,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันต่างคัดค้านและรู้สึกไม่พอใจที่โอบามาพยายามผลักดันแผนการใช้จ่ายภาครัฐนี้ โดยมุ่งที่จะขึ้นภาษีเพียงอย่างเดียว
“ผมหวังว่า ประธานาธิบดีคงไม่คิดว่าพวกเราจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของเขาที่ต้องขึ้นภาษีมากมายเช่นนี้” เอริค แคนเตอร์ ผู้นำหมายเลขสองของรีพับลิกันในสภาล่าง กล่าว
เขายังตอกย้ำด้วยว่า รีพับลิกันในสภาล่างจะไม่ให้การสนับสนุนแนวความคิดดังเช่น การกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อสร้างงานผ่านโครงการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน
“ไม่ว่าสิ่งใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกับกฎหมายอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (เมื่อปี 2009) จะไม่เป็นที่ยอมรับของชาวอเมริกันอย่างแน่นอน” แคนเตอร์ กล่าวต่อบรรดาผู้สื่อข่าว
ขณะที่ เบรนแดน บัค โฆษกของจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดียวกัน ก็ระบุว่า “มันเป็นการยุติธรรมที่จะบอกว่า มาตรการขึ้นภาษีเพื่อสร้างงานนี้เป็นข้อเสนอที่ทั้งสองพรรคเคยคัดค้านมาก่อน”
“พวกเรายังคงกระตือรือร้นที่จะทำงานร่วมกันบนหนทางที่จะส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ทว่า ข้อเสนอนี้ไม่เคยผ่านการตรึกตรองบนผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองพรรคเลย” เขาสำทับ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก มีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 9.1 เปอร์เซ็นต์ในตอนนี้ มิหนำซ้ำยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกด้วย ท่ามกลางปัญหาหนี้สาธารณะพะรุงพะรังและการขาดดุลงบประมาณบานเบอะ
