เอเจนซี - ผลการสำรวจความเห็น ซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ (8) ระบุ การขับรถในกรุงเม็กซิโก ซิตี้เสมือนเป็นฝันร้าย ขณะที่เมืองมอนทรีออลขับขี่ได้ค่อนข้างคล่องตัวกว่า
ผลการสำรวจ ที่มีไอบีเอ็มเป็นผู้สนับสนุน ได้สอบถามผู้ขับขี่ 8,000 คนใน 20 เมือง ถึงระดับความทุกข์ในการใช้รถใช้ถนน และผลที่ตามมา ในแง่ของความเครียด การเสียเวลา และเสียสุขภาพ
"การจราจรติดขัดลดลงในระดับโลก ขณะที่ความทุกข์จากการสัญจรกำลังเพิ่มขึ้น" ไวโนดห์ สวามินาธาน ผู้อำนวยการระบบขนส่งอัจฉริยะของไอบีเอ็มกล่าว โดยเสริมว่า สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ และราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเป็น 2 เหตุผลที่ทำให้สภาพการจราจรติดขัดลดลง
จากการสำรวจพบว่า 41% ของผู้ขับขี่อยากที่จะจอดยานพาหนะของพวกเขาไว้ข้างทาง แล้วหันไปใช้ระบบขนส่งมวลชนแทน หากเป็นไปได้
สวามินาธานให้สัมภาษณ์ว่า กรุงเม็กซิโก ซิตี้ ซึ่งมีดัชนีความทุกข์ของผู้ใช้รถใช้ถนนสูงสุดถึง 108 เมื่อเทียบกับเมืองมอลทรีออลที่ 21 มีเป้าหมายที่จะทุ่มเงินกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในอีกหลายปีข้างหน้า
ส่วนกรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 4 เมืองที่ดีที่สุดในจำนวน 20 เมือง ติดตั้งระบบเก็บค่าใช้เส้นทาง เพื่อลดปริมาณความต้องการใช้ถนน โดยสามารถลดการจราจรติดขัดลงได้ 25% และลดเวลาการเดินทางลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง
สวามินาธานยังชี้ว่า มีประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนจากการลดภาวะการจราจรติดขัด ตามการศึกษาซึ่งสรุปได้ว่า 10% ของการจราจรคับคั่งที่ลดลง สามารถสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจในท้องที่นั้นๆ ได้เพิ่มขึ้น 2% ทีเดียว
ทั้งนี้ ผู้ขับขี่จัดอันดับให้เม็กซิโก ซิตี้เป็นเมืองที่แย่ที่สุดสำหรับการใช้รถใช้ถนน ตามด้วยเซินเจิ้น ปักกิ่ง ไนโรบี โจฮันเนสเบิร์ก บังกาลอร์ นิวเดลี มอสโก มิลาน สิงคโปร์ บัวโนสไอเรส ลอสแองเจลีส ปารีส มาดริด นิวยอร์ก โตรอนโต สตอกโฮล์ม ชิคาโก ลอนดอน และมอนทรีออล