xs
xsm
sm
md
lg

มะกันไม่ใช่น้อยเชื่อ “ทฤษฎีสมคบคิด” หลังเหตุการณ์ 11 กันยาฯ ผ่านพ้นไป 10 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี - สำหรับชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อย การเสียชีวิตของผู้คนเกือบๆ 3,000 คน ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 (11 กันยายน 2001) ซึ่งกำลังจะเวียนมาบรรจบครบรอบ 10 ปีเต็มในวันอาทิตย์ที่จะมาถึงนี้ สิ่งที่น่าหวาดผวายิ่งกว่านั้นเสียอีกก็คือ การตระหนักรับรู้ว่าใครคือผู้ก่อการโจมตีอันหฤโหดคราวนี้

ใช่แล้ว พวกเขาเชื่อว่า คนที่กระทำคือรัฐบาลอเมริกันเอง!!

ถึงแม้มีผลการสอบสวนทั้งของทางการและของพวกที่ไม่ใช่หน่วยงานรัฐบาลเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน แล้วยังรายงานของสื่อมวลชนต่างๆ และบ่อยครั้งก็กระทั่งสามัญสำนึกธรรมดาๆ นี่แหละ แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากพอดูทีเดียวที่หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมเชื่อว่ากลุ่มอัลกออิดะห์ของอุซามะห์ บิน ลาดิน เป็นผู้ส่งนักจี้เครื่องบิน 19 คนออกมาก่อเหตุการณ์สังหารหมู่ 11 กันยายน

ตรงกันข้าม พวกเขากลับเชื่อเป็นตุเป็นตะว่าพวกที่อยู่ภายในคณะรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช (และอาจจะมีสายลับอิสราเอลร่วมมือด้วย) เป็นผู้ที่ใช้ดินระเบิดที่แอบวางเอาไว้ก่อนแล้ว ตลอดจนขีปนาวุธ ในการถล่มอาคารแฝดที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ก และอาคารกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ที่กรุงวอชิงตัน

ยังมีเวอร์ชันที่เบาๆ ลงมาหน่อยที่บอกว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้แอบวางระเบิดสังหารพลเมืองของตนเองหรอก ทว่าทราบดีว่ากำลังจะมีการโจมตี แล้วไม่ทำอะไรเลยเพื่อสกัดขัดขวาง

ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันสุดโต่งหรือเบาๆ ลงมา เหตุผลที่ใช้อธิบายว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วยก็คือ ทีมงานของบุชต้องการได้เหตุผลความชอบธรรมในการที่จะเข้ารุกรานยึดครองอิรักและอัฟกานิสถาน ตลอดจนการปราบปรามลิดรอนเสรีภาพของประชาชนภายในอเมริกาเอง

ถึงแม้อาจจะชวนให้นึกปลงว่าคนเราช่างจินตนาการอะไรได้กว้างไกลถึงเพียงนี้ ทว่าพวกที่เชื่อถือใน “ทฤษฎีสมคบคิด” เหล่านี้ก็ไม่ใช่พวกประหลาดๆ จำนวนน้อยนิดแต่อย่างใด

ผลการสำรวจความคิดเห็นในปี 2006 ของสคริปส์ ฮาเวิร์ด พบว่า 36% ของชาวอเมริกันเชื่อในทฤษฎีที่ว่ารัฐบาลอเมริกันมีส่วนสมคบคิดก่อให้เกิดเหตุ 9/11 ขึ้นมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ขณะที่โพลอื่นๆ ก็พบด้วยว่า ทฤษฎีนี้เป็นที่เชื่อถือกันกว้างขวางในนานาประเทศ ไม่เพียงในโลกอาหรับเท่านั้น แต่ยังในฝรั่งเศส ซึ่งหนังสือชื่อ “Horrifying Fraud” (การต้มตุ๋นอันน่าสยดสยอง) สามารถจำหน่ายได้ 200,000 เล่มทีเดียวไม่นานนักภายหลัง 9/11

กระทั่งเวลาผ่านไป 1 ทศวรรษ ขบวนการของผู้ที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดก็ยังดำรงอยู่และมีอิทธิพลไม่ใช่น้อยในสหรัฐฯ

กลุ่มต่างๆ เป็นต้นว่า Scholars for 9/11 Truth and Justice (นักวิชาเพื่อความจริงและความยุติธรรมกรณี 9/11) ตลอดจน Architects and Engineers for 9/11 Truth (สถาปนิกและวิศวกรเพื่อความจริงกรณี 9/11) ต่างมองตัวเองว่าเป็นนักวิจัยผู้ทำงานอันจริงจังทรงความสำคัญ ซึ่งอาจจะช่วยเปิดโปงเรื่องราวการปกปิดอำพรางความผิดครั้งใหญ่โตที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ

“Loose Change” ภาพยนตร์สารคดีโฮมเมด ซึ่งบรรจุประเด็นเด็ดๆ ของทฤษฎีสมคบคิดทฤษฎีสำคัญๆ ในเหตุการณ์ 9/11 เอาไว้ ปรากฏว่ามีผู้ชมถึงเกือบๆ 125 ล้านครั้งในกูเกิล และอีกราว 30 ล้านครั้งในยูทิวบ์ ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของ ไดแลน เอเวอรี ผู้กำกับหนังเรื่องนี้

ประเด็นเด็ดๆ ใน Loose Change ที่โต้แย้งคำอธิบายของทางการ มีดังเช่น

**อาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ไม่สามารถที่จะถล่มลงมาได้เพียงด้วยการถูกเครื่องบินพุ่งชน

**ทาวเวอร์ 7 ของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ก็เกิดถล่มอย่างรวดเร็วน่าประหลาด ถึงแม้ไม่ได้ถูกโจมตีด้วยเครื่องบินใดๆ เลย นี่คือเครื่องหมายแสดงให้เห็นการวางระเบิดให้พังทลายลงมาโดยมืออาชีพ

**ในวอลล์สตรีทมีการซื้อขายหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวินาศภัยคราวนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีบางคนทราบล่วงหน้าว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

**ขีปนาวุธของสหรัฐฯ ต่างหาก ไม่ใช่เครื่องบินอเมริกันแอร์ไลนส์เที่ยวบินที่ 77 เลย ที่พุ่งเข้าชนอาคารเพนตากอน

**เครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลนส์เที่ยวบินที่ 93 ไม่ใช่ตกลงมายังทุ่งนาในเพนซิลเวเนีย หากแต่หายวับไป บางทีอาจจะภายหลังที่ถูกยิงตกด้วยฝีมือของเครื่องบินขับไล่

สหรัฐฯ นั้นขึ้นชื่อลือชามานานว่าเป็นดินแดนที่เพาะปลูกทฤษฎีสมคบคิดได้งดงามใหญ่โต

เป็นต้นว่า มีทฤษฎีเยอะแยะที่พยายามอธิบายการสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี โดยผู้ลงมือมีตั้งแต่ซีไอเอไปจนถึงผู้ลี้ภัยชาวคิวบา การลงสู่ดวงจันทร์ของมนุษย์อวกาศสหรัฐฯ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเพียงภาพที่ถ่ายทำกันในสตูดิโอ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังปกปิดหลักฐานเกี่ยวกับยูเอฟโอ และจนถึงเวลานี้ยังคงมีทหารอเมริกันถูกกักขังอยู่ในกรงไม้ไผ่ในประเทศเวียดนาม

เมื่อไม่นานมานี้เอง ยังเกิดขบวนการ “เบิร์ธเธอร์” (birther) ซึ่งอ้างว่า บารัค โอบามา ไม่ได้เกิดบนดินแดนของสหรัฐฯ และดังนั้นจึงเป็นประธานาธิบดีที่ผิดกฎหมาย

ถึงอย่างไรพวกที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดก็ยังคงเป็นคนส่วนน้อย และต้องเผชิญกับการจับผิดตอบโต้ของขบวนการต่อต้านทฤษฎีสมคบคิดในเว็บไซต์อย่างเช่น www.debunking911.com และ www.screwloosechange.blogspot.com ซึ่งอ้างว่าสามารถจับผิดได้แทบจะทุกๆ ประเด็นที่ระบุไว้ในภาพยนตร์เรื่อง Loose change

อย่างไรก็ดี แคธี โอล์มสเต็ด ซึ่งสอนประวัติศาสตร์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเดวิส บอกว่า การที่มีคนจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อถือรัฐบาลจนถึงขั้นสุดโต่งกลายเป็นทฤษฎีสมคบคิดเช่นนี้ เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้

อย่าลืมว่าคณะรัฐบาลบุชเองก็ได้ใช้พลังงานอย่างมหาศาลในการโปรโมตทฤษฎีสมคบคิดผิดๆ ของพวกเขาเอง เกี่ยวกับซัดดัม ฮุสเซน ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหาว่าซัดดัมมีอาวุธทำลายร้ายแรง หรือว่าซัดดัมเกี่ยวข้องกับเหตุ 9/11

“คณะรัฐบาลบุชบิดเบือนความจริงอย่างชัดเจน ถ้าหากไม่ถึงขึ้นโกหกกันอย่างหน้าเฉยตาเฉย ในระหว่างสงครามอิรัก” โอล์มสเต็ดกล่าว “ด้วยเหตุนี้ คนก็เลยพูดกันว่าเรารู้ความจริงเกี่ยวกับ 9/11 กันจริงๆ หรือ”

ทฤษฎีสมคบคิดทั้งหลายยังอาจจะมีบทบาทช่วยเหลือผู้คน ซึ่งยังคงต่อสู้ดิ้นรนเพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ชวนช็อกที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน

“เป็นเรื่องยากสำหรับผู้คน (ไม่น้อย) ที่จะเชื่อว่า ชาย 19 คนที่มีอาวุธอันได้แก่คัตเตอร์ตัดกล่องกระดาษ สามารถเป็นต้นเหตุของความเสียหายขนาดนี้และฆ่าคนไปจำนวนมากมายเช่นนี้ได้” ศาสตราจารย์ ริช แฮนลีย์ ผู้เล็กเชอร์วิชาว่าด้วยสื่อและวัฒนธรรมประชาชน ณ มหาวิทยาลัยควินนิเปียก (Quinnipiac University) ให้ความเห็น

“มันแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้กำลังก่อให้เกิดภาวะช็อกมากมายแค่ไหนต่อจิตวิญญาณของคนอเมริกัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น