เทเลกราฟ - ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลซีเรียหลายพันคน เสี่ยงตายฝ่ากระสุนออกมาชุมนุมกลางเมืองฮอมส์ พร้อมทั้งส่งสาสน์ถึงประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ว่า ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับ พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ขณะที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียหยุดใช้กำลังสลายการชุมนุม หลังรายงานล่าสุดระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามประชาชนเกินกว่า 2,000 รายแล้ว หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงาน วานนี้ (22)
ชาวซีเรียออกมาชุมนุมตามท้องถนน หลังจากประธานาธิบดี อัสซาด แถลงทางโทรทัศน์ เมื่อวันอาทิตย์ (21) ยืนยันคำมั่นที่จะปฏิรูปการเมือง และจัดการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนกุมภาพันธ์ 2012
การยอมอ่อนข้อของรัฐบาลซีเรียดังกล่าว ไม่สามารถหยุดยั้งการประท้วงของประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งได้รับเชื้อไฟชั้นดีจากข่าวกลุ่มกบฏลิเบียบุกเข้ากรุงติโปลี ผู้ประท้วงซีเรียพากันร้องตะโกนทำนองว่า “กัดดาฟีไปแล้ว ต่อไปเป็นตาแก บาชาร์”
อย่างไรก็ตาม กองกำลังความมั่นคงซีเรียก็ยังคงยิงใส่ประชาชนในเมืองฮอมส์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการต่อต้านประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด โดยมีพยานคนหนึ่งให้ข้อมูลกับคณะนักข่าวว่า ประชาชนหลายพันคนชุมนุมกันที่จัตุรัสคล็อก สแควร์ (Clock Square) จุดศูนย์กลางของเมืองฮอมส์ วานนี้ (22) หลังจากมีคนได้ยินข่าวว่า คณะเจ้าหน้าที่จากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็นจะเดินทางเข้าเยี่ยมพื้นที่เมืองฮอมส์
ด้าน องค์การสหประชาชาติได้เพิ่มแรงกดดันต่อระบอบอัสซาด ด้วยการเปิดเผยรายงานว่า การปราบปรามผู้ต่อต้านระบอบปกครองอันยาวนาน 40 ปีของตระกูลอัสซาด ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 2,200 ราย
นาวี พิลเลย์ (Navi Pillay) ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น แถลงว่า เฉพาะภายในเดือนนี้ มีผู้ถูกสังหารแล้วประมาณ 350 ชีวิต และรัฐบาลซีเรียยังคงส่งกำลังทหาร ทั้งรถถัง ปืนใหญ่ และหน่วยแม่นปืน เข้าสลายการชุมนุม
คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของยูเอ็นรายงานว่า พบหลักฐานที่ชี้ชัดว่ารัฐบาลซีเรียใช้มาตรการ “ยิงสังหาร” และใช้แม้แต่กระทั่งการทรมานเด็ก
ทั้งนี้ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็นได้เรียกประชุมฉุกเฉิน ณ กรุงเจนีวา เพื่อร่างมติ “คัดค้านการเดินหน้าโจมตีประชาชนไม่เลือกหน้า” ทว่า ไฟซัล คอบบัซ ฮามูอี ทูตซีเรียประจำยูเอ็น ประกาศปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าเป็น “เรื่องโกหก” โดยสิ้นเชิง และระบุว่าภาษาที่ใช้ในร่างมติฉบับนี้เต็มไปด้วย “ความอาฆาตมาดร้าย”
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า สหรัฐฯ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส เตรียมเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นให้อายัดทรัพย์สินในต่างประเทศของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด