เอเอฟพี - หน่วยข่าวกรองปากีสถานอาจปล่อยให้วิศวกรทหารของจีนเข้าตรวจสอบซากเฮลิคอปเตอร์ “สเตลท์” ของสหรัฐฯ ที่ตกระหว่างปฏิบัติการลอบสังหาร อุซามะห์ บิน ลาดิน ณ เมืองอับบอตตาบัด เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานค่ำวานนี้ (14)
เจ้าหน้าที่ซึ่งใกล้ชิดเรื่องดังกล่าวเปิดเผยว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ สรุปแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่วิศวกรของจีนจะตอบรับคำเชิญจากหน่วยข่าวกรองปากีสถานให้เข้าไปถ่ายภาพส่วนหางของเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก ซึ่งใช้เทคโนโลยีลับเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเรดาร์
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และปากีสถานย่ำแย่ลงหลังการลอบสังหารบิน ลาดิน โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา สั่งระงับเงินช่วยเหลือด้านกลาโหมแก่ปากีสถานราว 1 ใน 3 จากทั้งหมด 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ทว่ายังยืนยันจะมอบเงินช่วยเหลือด้านพลเรือน 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่อนุมัติไปตั้งแต่ปี 2009
รายงานระบุว่า หน่วยรบพิเศษซีลส์ของสหรัฐฯ พยายามทำลายซากเครื่องบินหลังประสบอุบัติเหตุตกภายในเขตบ้านพักของบิน ลาดิน ทว่าส่วนหางของเครื่องยังอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ออกตัวว่ายังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าวิศวกรจีนเดินทางไปยังเมืองอับบอตตาบัดจริงหรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่ปากีสถานก็ปฏิเสธว่าไม่เคยเปิดเผยเทคโนโลยีดังกล่าวให้รัฐบาลชาติอื่น
ข้อสันนิษฐานของสหรัฐฯ มาจากการดักฟังบทสนทนาของเจ้าหน้าที่ปากีสถาน ซึ่งหารือเรื่องจะเชิญจีนเข้ามาตรวจสอบจุดที่เฮลิคอปเตอร์ตก นิวยอร์กไทม์สระบุ
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกกับนิวยอร์กไทม์สว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ “มั่นใจ” ว่าวิศวกรจีนสามารถถ่ายภาพเฮลิคอปเตอร์ไปได้ และถึงกับนำตัวอย่างชิ้นส่วนเครื่องบินติดมือกลับไปด้วย
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมของจีนซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี วันนี้(15)ว่า “เราขอแสดงความกังขาอย่างยิ่งต่อข้อกล่าวหานี้ เรื่องเช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน”
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจียง หยู โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนเคยออกมาปฏิเสธข่าวจีนขอเข้าไปชมซากเฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐฯ โดยบอกว่าเป็นเรื่อง “น่าขำ”