เอเอฟพี - ทางการปากีสถานเคยแจ้งไปยังกรุงวอชิงตัน ตั้งแต่เมื่อปี 2009 ถึงสถานที่ต้องสงสัย ซึ่งต่อมาสหรัฐฯ พบว่าเป็นแหล่งกบดานของอุซามะห์ บิน ลาดิน เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศปากีสถาน ซัลมาน บาเชียร์ แถลงวันนี้ (4)
เลขาธิการบาเชียร์ยังได้ตอบโต้ความเห็นที่สร้างความกินแหนงแคลงใจของ ลีออน พาเนตตา ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ซึ่งระบุว่า ทางการสหรัฐฯ ไม่ขอแจ้งกรุงอิสลามาบัดล่วงหน้าเกี่ยวกับปฏิบัติการล่าตัว บิน ลาดิน ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเมื่อวันจันทร์ (2) ในบ้านพักย่านอับบอตตาบัด ซึ่งนำไปสู่จุดจบของผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์
ทั้งนี้ ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุบีบีซีเกี่ยวกับบ้านพักในเมืองอับบอตตาบัด ซึ่งบิน ลาดิน ซ่อนตัวอยู่ บาเชียร์เปิดเผยว่า “หน่วยข่าวกรองของเราเคยแจ้งพิกัดสถานที่นี้ไปยังหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เมื่อนานมาแล้ว”
“แน่นอน พวกเขามีเครื่องไม้เครื่อมือทันสมัยเป็นภูเขาเลากาที่จะประเมินและติดตามผล”
“ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 เราเคยชี้จุดบ้านพักหลังนี้ ว่า อาจเป็นแหล่งกบดานของบิน ลาดิน” บาเชียร์เสริม อย่างไรก็ตาม เขายอมรับเองว่า ณ เวลานั้นยังไม่ทราบว่า บิน ลาดิน ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน และมีสถานที่ต้องสงสัยอีกเป็นล้านๆ แห่ง
ส่วนประเด็นเรื่องความเห็นของผู้อำนวยการซีไอเอ เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศปากีสถานระบุว่า "ผมรู้ชัดว่าเราขยายขอบเขตความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในทุกๆ เรื่อง ซึ่งรวมทั้งซีไอเอ ตลอดจนประเทศอื่นๆ ตราบเท่าที่แผนการต่อต้านการก่อร้ายยังเป็นประเด็นที่ต้องวิตก"
“จากความสำเร็จที่เรียกกันว่าการต่อต้านการก่อการร้ายระดับโลก ปากีสถานนั้นมีบทบาทสำคัญ เพราะฉะนั้นเราจึงรู้สึกแคลงใจบ้าง เมื่อได้ยินความเห็นทำนองนี้”
ด้าน ผ.อ.พาเนตตา เปิดเผยกับนิตยสารไทม์ถึงการตัดสินใจไม่แจ้งปากีสถานให้ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับปฏิบัติล่าตัวบิน ลาดิน ว่า “การตัดสินใจปฏิบัติการร่วมใดๆ กับปากีสถานอาจส่งผลเสียต่อภารกิจ พวกเขาอาจแจ้งเป้าหมายให้รู้ตัว”