เอเอฟพี - ราคาน้ำมันวานนี้ (10) ดีดกลับแรง หลังคลังพลังงานสำรองสหรัฐฯดิ่งลงอย่างน่าประหลาดใจ บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในวอชิงตัน ขณะที่วอลล์สตรีท ยังดิ่งต่อเนื่องจากความกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยุโรปและภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอเมริกา แม้เฟดประกาศขยายเวลาคงดอกเบี้ยระดับต่ำออกไปอีก 2 ปี
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 3.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 4.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งพุ่งขึ้นไปถึง 107.11 ดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีขึ้นหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯแถลงเมื่อวันพุธ(10) ว่าคลังน้ำมันดืบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงถึง 5.2 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันแข็งแกร่งในชาติผู้บริโภคหมายเลข 1 ของโลกท่ามกลางความกังวลทางเศรษฐกิจ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าน่าจะเพิ่มราว 1.1 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(10) ดิ่งลงถึงร้อยละ 4 และเป็นการปรับลดอีกครั้งหลังจากฟื้นตัวเมื่อวันอังคาร(9) โดยนักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับปัญหาหนี้สินในยุโรปและความกังวลว่าอเมริกาอาจประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำซ้อน รวมถึงข่าวลือว่าฝรั่งเศสอาจเป็นรายต่อไปที่ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 519.83 จุด (4.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,719.94 จุด แนสแดค ลดลง 101.47 จุด (4.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,381.05 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 51.77 จุด (4.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,120.76 จุด
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร(9) ดัชนีทั้ง 3 ตัวพุ่งขึ้นราวๆร้อยละ 3-5 หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี)มีมติจะคงดอกเบี้ยไว้ให้ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ระดับ 0.00 - 0.25% ไปเรื่อยๆ อย่างน้อยสองปี
อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวสงผลกระทบทางบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯแค่เพียงช่วงต้นเท่านั้น โดยหลังจากนั้นวอลล์สตรีทก็ดิ่งลงเรื่อยๆตามตลาดหุ้นในยุโรป ที่มีต้นตอมาจากความกังวลต่อปัญหาหนี้สินของกรีซและข่าวลือเกี่ยวกับการลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสหรือธนาคารต่างๆของฝรั่งเศส